สำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้า ควรอ่าน
การดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้าจะง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในค่อนข้างมาก เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่า ทำให้ค่าบำรุงรักษา หรือ maintenance มีราคาถูกว่าเช่นกัน
เครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์สันดาปภายใน (internal combustion engine) คือเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยจะเปลี่ยนพลังงานจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันดีเซล ให้เป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อนรถ
วิธีดูแลรถยนต์ไฟฟ้า
- ดูแลแบตเตอรี่
- ตรวจสอบระดับประจุแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ ชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20%
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ทุกครั้ง ช่วงระหว่าง 20-80% เป็นช่วงที่เหมาะสม
- เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ควรชาร์จประจำเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่คายประจุจนหมด
- หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่ในที่อุณหภูมิสูงมาก หรือร้อนจัด
- หลีกเลี่ยงการชาร์จไฟแบบ DC (ชาร์จเร็ว) บ่อยๆ
- ตรวจสอบยางและการปรับระดับ
- ตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำ ค่าแรงดันลมยางตามที่คู่มือกำหนด
- หากพบยางรั่ว หรือสึกหรอผิดปกติ ให้เปลี่ยนยางใหม่ทันที
- การปรับระดับคันเร่งถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งาน
- เปลี่ยนกรองอากาศ
- กรองอากาศภายในห้องโดยสารและกรองอากาศของมอเตอร์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตามระยะทางหรือเวลาที่กำหนด
- กรองอากาศสกปรก อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- หล่อลื่นชิ้นส่วนเคลื่อนไหว
- สถานบริการตรวจสอบและหล่อลื่นลูกปืน คันโยก และชิ้นส่วนต่างๆ ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและระบบเบรก
- สังเกตดูสัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดว่ามีปัญหาหรือไม่
- หากพบปัญหาให้นำเข้ารับบริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญ
- สถานที่จอดรถ
- หลีกหลี่ยงจอดรถในสถานที่ที่มีความชื้นสูง จอดตากฝน หรือจอดในที่ที่มีน้ำท่วมขัง เพราะความชื้นอาจเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้ แม้ว่าจะมีการป้องกันไว้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจผิดพลาดได้
- หลีกเลี่ยงจอดรถกลางแจ้ง อากาศร้อนจัด
สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบสภาพรถเป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานอย่างเคร่งครัด จะช่วยยืดอายุการใช้งานและความปลอดภัยให้กับรถไฟฟ้าของคุณ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า
- ค่าไฟฟ้าสำหรับชาร์จแบตเตอรี่
- ค่าใช้จ่ายหลักในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับราคาค่าไฟในแต่ละพื้นที่และระยะทาง
- การชาร์จที่บ้านจะถูกกว่าสถานีชาร์จสาธารณะ
- ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานจำกัด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา
- ค่าใช้จ่ายสูงมาก อาจสูงกว่าค่าใช้จ่ายของรถยนต์ประเภทอื่น
- ค่าเปลี่ยนยางและอะไหล่สิ้นเปลือง
- ค่ายางใหม่, จานดิสก์เบรก, กรองอากาศ ซึ่งมีราคาไม่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป
- ค่าบำรุงรักษาตามระยะ
- ค่าตรวจเช็คสภาพและหล่อลื่นระบบต่างๆ โดยศูนย์บริการ
- มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 - 5,000 บาท (ขึ้นกับรุ่นรถ) ทุก 10,000-20,000 กม.
- ค่าประกันรถยนต์
- ค่าเบี้ยประกันโดยรวมแพงกว่ารถยนต์ทั่วไปเล็กน้อย เนื่องจากราคาซ่อมแพง
- ค่าบำรุงรักษารถตัวถังและห้องโดยสาร
- ค่างานซ่อมตัวถังจากอุบัติเหตุ, ค่าดูแลความสะอาดของห้องโดยสาร ฯลฯ
โดยสรุป ค่าใช้จ่ายหลักของรถยนต์ไฟฟ้าคือค่าไฟชาร์จแบตเตอรี่และค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยรวมอาจสูงหรือต่ำกว่ารถยนต์ประเภทอื่นได้ ขึ้นอยู่กับระยะทางและรูปแบบการใช้งาน