สรุปอัพเดท Ai ในปี 2025 และปี 2026

Agentic Ai

ตอนนี้ AI กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนแทบจะเรียกได้ว่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราแล้ว หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า AI มานานแล้ว 

แต่..ภาพของ AI ในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ AI ทำได้เพียงแค่ทำงานตามคำสั่งหรือเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากเพื่อทำงานเฉพาะทาง ตอนนี้ AI มีความสามารถที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ การโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไปจนถึงการตัดสินใจและดำเนินการสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเองราวกับมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัวเข้ามาอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิต 

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความก้าวหน้าล่าสุดของ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดของ Agentic AI ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


AI ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว: วิวัฒนาการสู่ผู้ช่วยอัจฉริยะ

ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปัจจุบันนั้นน่าทึ่งและรวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากจุดเริ่มต้นที่เน้นการประมวลผลข้อมูลและทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า AI ได้พัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ และแม้กระทั่งดำเนินการได้อย่างอิสระ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีหลักหลายอย่างที่ทำให้ AI มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ


1. การสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดด้วย Generative AI

หนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของ AI ในยุคปัจจุบันคือ Generative AI (Gen AI) หรือ AI เชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็น AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวิเคราะห์หรือจัดหมวดหมู่ข้อมูลเดิมๆ อีกต่อไป

  • การสร้างข้อความและภาษาธรรมชาติ
    โมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือ Large Language Models (LLMs) เช่น ChatGPT, Gemini, Claude ได้ปฏิวัติวิธีที่เราโต้ตอบกับ AI LLMs สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการตีความคำถาม, การสรุปเนื้อหาที่ซับซ้อน, การแปลภาษา, การเขียนบทความ, การแต่งกลอน, หรือแม้กระทั่งการเขียนโค้ดโปรแกรม สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะ LLMs ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลข้อความมหาศาล ทำให้สามารถเรียนรู้แพทเทิร์น ความหมาย และบริบทของภาษาได้อย่างละเอียดอ่อน จนสามารถสร้างข้อความที่สอดคล้องและเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง

  • การสร้างรูปภาพและงานศิลปะ
    AI เช่น DALL-E, Midjourney, Stable Diffusion สามารถเปลี่ยนข้อความคำสั่งธรรมดาๆ ให้กลายเป็นรูปภาพหรืองานศิลปะที่มีความสวยงามและหลากหลายสไตล์ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพเหมือนจริง ภาพวาด ภาพแนวแฟนตาซี หรือภาพแนว Abstract ศิลปิน นักออกแบบ และนักการตลาดต่างเริ่มนำ AI เหล่านี้ไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานและไอเดียใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

  • การสร้างวิดีโอและเสียง
    ความก้าวหน้าไม่ได้หยุดอยู่แค่ข้อความและรูปภาพ AI ในปัจจุบันสามารถสร้างวิดีโอสั้นๆ จากคำสั่งข้อความ หรือสร้างเสียงสังเคราะห์ที่เหมือนเสียงมนุษย์จริงได้อย่างแนบเนียน ซึ่งเปิดประตูสู่การสร้างสรรค์เนื้อหามัลติมีเดียในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งในวงการบันเทิง การศึกษา และการโฆษณา

2. ความอัจฉริยะในการตัดสินใจและแก้ปัญหาเชิงลึก

นอกจากการสร้างสรรค์แล้ว AI ยังคงพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ

  • การขับเคลื่อนอัตโนมัติ
    ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ไร้คนขับอย่าง Tesla หรือ Waymo พึ่งพา AI ในการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ กล้อง และเรดาร์จำนวนมากแบบเรียลไทม์ เพื่อรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว ตัดสินใจเส้นทาง และควบคุมการเคลื่อนที่ของรถได้อย่างปลอดภัย นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ AI ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

  • การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics)
    AI มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาลเพื่อค้นหาแพทเทิร์นที่ซ่อนอยู่ ทำนายแนวโน้มในอนาคต หรือระบุความผิดปกติ ตัวอย่างเช่น ในภาคการเงิน AI ใช้ในการตรวจจับการฉ้อโกงบัตรเครดิต หรือทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ในภาคการดูแลสุขภาพ AI ช่วยในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคเบื้องต้น หรือค้นพบยาใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจมีข้อมูลสนับสนุนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

  • ระบบแนะนำและปรับแต่งส่วนบุคคล
    บริการที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง Netflix, Spotify หรือ Amazon ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน ความสนใจ และความชอบของเรา เพื่อแนะนำภาพยนตร์ เพลง หรือสินค้าที่ตรงใจผู้ใช้แต่ละคน ระบบเหล่านี้เรียนรู้และปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คำแนะนำที่แม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
    ในโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และลดข้อผิดพลาด รวมถึงการจัดเรียงสินค้า การตรวจสอบคุณภาพ หรือการประกอบชิ้นส่วน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล

3. คลื่นลูกใหม่: Agentic AI - ผู้ช่วยที่คิดเองทำเองได้

แม้ Generative AI จะมีความสามารถในการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วยังคงต้องมีการควบคุมและสั่งการจากมนุษย์ในแต่ละขั้นตอน แต่ตอนนี้ AI กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Agentic AI ซึ่งเป็นแนวคิดที่ทำให้ AI มีความเป็น "ตัวแทน" หรือ "ผู้ช่วย" ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ มีเป้าหมาย และสามารถตัดสินใจดำเนินการได้เอง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ในทุกๆ รายละเอียด

Agentic AI คืออะไร?

ลองนึกภาพว่าคุณมีผู้ช่วยส่วนตัวที่มีความสามารถสูงมาก ที่ไม่เพียงแต่ทำตามคำสั่งของคุณได้ แต่ยังสามารถคิดวิเคราะห์ วางแผน และลงมือทำตามแผนเหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ นั่นแหละคือแก่นของ Agentic AI

องค์ประกอบสำคัญของ Agentic AI
  • การกำหนดเป้าหมาย (Goal Setting)
    มนุษย์กำหนดเป้าหมายปลายทางที่ต้องการให้ AI บรรลุ ซึ่งอาจจะเป็นเป้าหมายที่ซับซ้อนและต้องใช้หลายขั้นตอน เช่น "วิจัยข้อมูลตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่" หรือ "วางแผนแคมเปญการตลาดดิจิทัล"

  • การวางแผนและแตกงาน (Planning & Task Decomposition)
    เมื่อได้รับเป้าหมาย Agentic AI จะสามารถแตกเป้าหมายใหญ่นั้นออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ (sub-tasks) ที่ต้องทำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหลักได้เอง โดยอาจจะมีการจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้นด้วย

  • การดำเนินการ (Execution)
    AI จะลงมือทำตามแผนที่วางไว้ โดยอาจจะมีการใช้เครื่องมือต่างๆ (Tools) เช่น การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต, การเข้าถึงฐานข้อมูล, การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์, การส่งอีเมล, หรือแม้กระทั่งการสื่อสารกับ AI ตัวอื่นๆ (multi-agent systems) เพื่อให้แต่ละขั้นตอนสำเร็จ

  • การตรวจสอบและประเมินผล (Monitoring & Self-Correction)
    ในระหว่างการดำเนินการ Agentic AI จะคอยตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ หากพบว่ามีข้อผิดพลาด หรือผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง AI ก็จะสามารถปรับแผนหรือวิธีการทำงานได้เอง เพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้งานเดินหน้าต่อไปได้

  • การเรียนรู้และปรับปรุง (Learning & Adaptation)
    AI จะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว เพื่อปรับปรุงวิธีการวางแผน การตัดสินใจ และการดำเนินการในอนาคต ทำให้ Agentic AI มีประสิทธิภาพและฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ตัวอย่างการทำงานของ Agentic AI

สมมติว่าคุณเป็นผู้บริหารและต้องการให้ AI "สรุปแนวโน้มตลาด AI ล่าสุดสำหรับปี 2025 และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ"

1.  เป้าหมาย
สรุปแนวโน้มตลาด AI ปี 2025 และข้อมูลเชิงลึก

2.  การวางแผน (Agentic AI จะคิด)
  •     ค้นหาบทความวิจัย รายงานตลาด และข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ AI ในปี 2025
  •     ระบุหัวข้อและเทคโนโลยี AI ที่สำคัญ (เช่น Generative AI, Edge AI, Responsible AI)
  •     รวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพที่เกี่ยวข้อง
  •     วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุแนวโน้มหลักและผลกระทบ
  •     สรุปข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมระบุข้อมูลเชิงลึก
  •     จัดเตรียมข้อมูลสำหรับการนำเสนอ
3.  การดำเนินการ
AI อาจจะใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น
  •     เครื่องมือค้นหา (Search Engine Tool): ค้นหาข้อมูลบนเว็บ
  •     เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis Tool): ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้
  •     เครื่องมือสรุปข้อความ (Text Summarization Tool): สรุปเนื้อหาจากบทความยาวๆ
  •     เครื่องมือสร้างงานนำเสนอ (Presentation Generation Tool): สร้างสไลด์นำเสนอจากข้อมูลที่สรุปได้
4.  การตรวจสอบและแก้ไข
หาก AI พบว่าข้อมูลที่รวบรวมได้ไม่เพียงพอ หรือมีการขัดแย้งกัน ก็จะกลับไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรับวิธีการวิเคราะห์ใหม่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง

5.  ผลลัพธ์
AI จะนำเสนอรายงานสรุปแนวโน้มตลาด AI พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ ซึ่งพร้อมสำหรับการนำไปใช้ทันที

ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

การมาถึงของ Agentic AI ไม่ใช่แค่การพัฒนาทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิธีการทำงานและชีวิตประจำวันของเรา:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    องค์กรต่างๆ จะสามารถใช้ AI ในการจัดการงานที่ซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดการโครงการ หรือการบริการลูกค้า ทำให้ลดภาระงานของมนุษย์และเพิ่มผลผลิตได้อย่างมหาศาล

  • การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
    AI จะสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์หลายขั้นตอน หรือการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การออกแบบยาใหม่ การวางแผนผังเมือง หรือการพัฒนาระบบพลังงาน

  • นวัตกรรมที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
    เมื่อ AI สามารถจัดการงานพื้นฐานและงานซับซ้อนบางอย่างได้ นักวิจัย วิศวกร และผู้ประกอบการจะสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วขึ้น

  • ความท้าทายและข้อควรพิจารณา
    แน่นอนว่าการมาถึงของ AI ที่มีความสามารถมากขึ้นก็มาพร้อมกับความท้าทาย ทั้งในเรื่องจริยธรรม ความปลอดภัยของข้อมูล การควบคุมดูแล AI ที่ทำงานโดยอิสระ และผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีการเตรียมพร้อมและกำหนดนโยบายที่ชัดเจน

บทสรุป AI ในปัจจุบันได้พัฒนาจากโปรแกรมที่ทำตามคำสั่ง ไปสู่ระบบที่สามารถ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้หลากหลาย (Generative AI), วิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด, และที่สำคัญที่สุดคือ กำลังก้าวไปสู่การเป็น "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" ที่สามารถคิดวางแผน ดำเนินการ และปรับปรุงตัวเองได้ (Agentic AI) ความก้าวหน้าเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในทุกอุตสาหกรรม และทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI ไม่ได้หยุดนิ่ง และการทำความเข้าใจถึงความสามารถและแนวโน้มของ AI จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเตรียมพร้อมและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพในอนาคตที่กำลังจะมาถึง