The Most/Recent Articles

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เทคโนโลยีโรงแรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เทคโนโลยีโรงแรม แสดงบทความทั้งหมด

Green Hotel คืออะไร

Solar Cell Roof Top
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ 

เทคนิคประหยัดไฟในห้องพักโรงแรม

Room Control Unit

การประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการให้บริการผู้เข้าพัก เช่น การใช้ไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับโรงแรมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ 

นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีเช่นระบบ RCU (Room Control Unit) มาใช้ในโรงแรมยังเป็นทางออกที่ช่วยในการควบคุมและบริหารจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ทั้งนี้ยังส่งผลให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์การใช้บริการที่สะดวกสบายและทันสมัย ทำให้โรงแรมสามารถมอบความพึงพอใจสูงสุดได้


RCU คืออะไร

RCU (Room Control Unit) คืออุปกรณ์ควบคุมระบบห้องพักที่ใช้ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมสิ่งต่างๆ ภายในห้องพัก เช่น ระบบไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์, ผ้าม่านอัตโนมัติ, และระบบความปลอดภัย เช่น การล็อคประตู โดยผู้เข้าพักสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สวิตช์ภายในห้องพัก หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน


ประโยชน์ของ RCU ในธุรกิจโรงแรม

  • เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพัก: ผู้เข้าพักสามารถควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดได้ในจุดเดียว เช่น การเปิด-ปิดไฟ หรือปรับอุณหภูมิของห้อง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาหลายขั้นตอน

  • ประหยัดพลังงาน: ระบบสามารถตั้งค่าให้ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติเมื่อผู้เข้าพักไม่อยู่ในห้อง หรือในบางเวลา เช่น ตอนดึกที่ไม่ต้องเปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศสูง

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงแรม: พนักงานสามารถควบคุมระบบในแต่ละห้องจากส่วนกลาง เพื่อตรวจสอบสถานะห้อง หรือเปิดระบบก่อนที่ผู้เข้าพักจะเข้าห้องได้

  • ยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพัก: ระบบที่ทันสมัยทำให้โรงแรมดูหรูหราและมีการบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น


การติดตั้งและการใช้งาน RCU ในโรงแรม

  • วางแผนระบบ
    การติดตั้งต้องเริ่มจากการวางระบบสายไฟฟ้าและการวางแผนตำแหน่งของอุปกรณ์ที่จะติดตั้งในห้องพัก

  • เลือกอุปกรณ์
    ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ RCU เช่น สวิตช์ควบคุม, ระบบควบคุมอุณหภูมิ, และเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

  • ติดตั้งและเชื่อมต่อ
    ทำการติดตั้งอุปกรณ์ตามแผนที่วางไว้และทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ RCU

  • การตั้งค่าและการทดสอบ
    ตั้งค่าโปรแกรมควบคุมให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงในห้องพัก และทำการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้ตามที่ต้องการ

  • การบำรุงรักษา
    ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การควบคุมระบบ RCU (Room Control Unit) ในโรงแรมสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับระบบที่โรงแรมติดตั้ง ซึ่งการควบคุมหลัก ๆ ที่นิยมใช้มีดังนี้


วิธีควบคุมระบบ RCU

1. แผงควบคุมภายในห้องพัก  
  • ระบบ RCU มักจะมีแผงควบคุมติดตั้งอยู่ในห้องพัก เช่น สวิตช์ควบคุมไฟ, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน หรือระบบล็อกประตู ผู้เข้าพักสามารถใช้แผงควบคุมเหล่านี้เพื่อปรับการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องพักได้ทันที โดยระบบอาจจะมีทั้งแบบกดปุ่มหรือแบบจอสัมผัส

2. การควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต  
  • โรงแรมหลายแห่งพัฒนาหรือใช้แอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในห้องพักผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ผู้เข้าพักสามารถใช้แอปฯ นี้เพื่อเปิด-ปิดไฟ, ปรับอุณหภูมิ, เปิด-ปิดผ้าม่าน หรือสั่งการระบบอื่น ๆ ภายในห้องพักได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเดินไปที่แผงควบคุม

3. การควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรล  
  • บางระบบอาจมาพร้อมรีโมทคอนโทรลที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อควบคุมอุปกรณ์ในห้องพัก เช่น การปรับแสงไฟ, อุณหภูมิ หรือการเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายสำหรับผู้เข้าพัก

4. การควบคุมผ่านระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ  
  • เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัจฉริยะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการควบคุมอุปกรณ์ภายในห้อง เช่น เมื่อผู้เข้าพักเข้าห้อง ระบบไฟและเครื่องปรับอากาศจะเปิดอัตโนมัติ หรือเมื่อผู้เข้าพักออกจากห้อง อุปกรณ์ทั้งหมดจะปิดเองเพื่อประหยัดพลังงาน

5. การควบคุมจากส่วนกลาง (Centralized Control)  
  • โรงแรมสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของห้องพักทั้งหมดจากศูนย์ควบคุมส่วนกลางได้ พนักงานสามารถเช็คสถานะห้องได้ว่าเปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้หรือไม่ และสามารถปิดได้จากระยะไกล นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าระบบให้เตรียมพร้อมเมื่อผู้เข้าพักใกล้จะเช็คอิน

ขั้นตอนการใช้งานระบบ RCU
  • หากใช้แผงควบคุมในห้องพัก เพียงแค่กดปุ่มหรือสั่งการผ่านจอสัมผัสที่กำหนดไว้
  • ถ้าใช้แอปพลิเคชันหรือรีโมท ให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายของโรงแรมและทำการสั่งงานจากอุปกรณ์ที่กำหนด
  • การควบคุมผ่านเซนเซอร์ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม เพราะระบบจะทำงานอัตโนมัติตามการเคลื่อนไหวของผู้เข้าพัก

บทสรุป ระบบ RCU (Room Control Unit) ช่วยให้ผู้เข้าพักสะดวกสบายยิ่งขึ้น และยังช่วยให้โรงแรมสามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

วิเคราะห์ข้อมูลโรงแรมคู่แข่งผ่าน STR

Hotels Comparison

การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจโรงแรมเพื่อตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เว็บไซต์เช่น STR, TravelClick และ Hoodline เสนอบริการข้อมูลที่ครอบคลุม ช่วยให้ธุรกิจโรงแรมสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพ การตั้งราคาห้องพัก และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตในตลาด

เว็บไซต์ STR (Smith Travel Research) เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่สำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรม โดยมีความสำคัญและประโยชน์ต่อธุรกิจโรงแรมในหลายด้าน

การวิเคราะห์ข้อมูลและแนวโน้ม

1. ข้อมูลเชิงลึกของตลาด
STR ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินงานของโรงแรม เช่น อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate), อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (Average Daily Rate - ADR), และรายได้ต่อห้องพัก (Revenue Per Available Room - RevPAR) ซึ่งช่วยให้เจ้าของโรงแรมและผู้จัดการสามารถเข้าใจแนวโน้มการตลาดและประสิทธิภาพของโรงแรมในพื้นที่ที่ตนดำเนินการ

2. เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ข้อมูลที่ได้จาก STR ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโรงแรมกับคู่แข่งในตลาดเดียวกันหรือในระดับภูมิภาคได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจตนเองได้

การวางแผนและกลยุทธ์

1. การตั้งราคาและการจัดการห้องพัก
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยและการเข้าพักช่วยให้สามารถตั้งราคาห้องพักได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการจัดการโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษได้ดีขึ้น

2. การวางแผนการตลาด
การวิเคราะห์ข้อมูลจาก STR สามารถช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด เช่น การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย, การวางแผนโฆษณา, และการจัดการการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน

ข้อมูลจาก STR ช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เช่น การลงทุนในโครงการใหม่, การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก, และการจัดการความเสี่ยงมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพ

เว็บไซต์ที่มีให้บริการคล้าย STR

1. Hoodline
  • เว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและรายงานการวิจัย
  • URL: hoodline.com 

2. TravelClick
  • TravelClick ให้ข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือวิเคราะห์สำหรับธุรกิจโรงแรม รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าพักและการตั้งราคาห้องพัก
  • URL: travelclick.com 

3. STR Global
  • เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ STR แต่เน้นที่การให้ข้อมูลและการวิเคราะห์ตลาดในระดับโลก โดยเฉพาะสำหรับโรงแรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • URL: strglobal.com 
4. Hotel Data Conference
  • เว็บไซต์ที่เสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ทางธุรกิจโรงแรม รวมถึงการจัดการประชุมและการสัมมนาเพื่อแบ่งปันข้อมูลในอุตสาหกรรม
  • URL: hoteldataconference.com 

 
สรุปได้ว่า STR เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจโรงแรมสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก, เปรียบเทียบกับคู่แข่ง, และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ

เพิ่มรายได้โรงแรมผ่าน Gift Voucher

Gift Voucher
ช่องทางในการขายสินค้าและบริการของโรงแรม มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขายโดยตรง ผ่านเว็บไซต์ อีเมล โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย หรือผ่านช่องทาง OTA (Online Travel Agent) ยังมีอีกชองทางที่น่าสนใจ นั่นคือการข่าย Gift Voucher สามารถทำประชาสัมพันธ์โรงแรมได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

Gift Voucher Engine คือระบบที่ช่วยในการสร้าง, จัดการ, และจำหน่ายบัตรกำนัลหรือบัตรของขวัญสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมโรงแรมและบริการที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้ระบบนี้ โรงแรมสามารถออกแบบและจัดการบัตรกำนัลที่ลูกค้าสามารถซื้อและใช้บริการต่าง ๆ ภายในโรงแรมได้ เช่น การเข้าพัก, อาหาร, สปา, หรือบริการอื่น ๆ


ประโยชน์ของ Gift Voucher Engine

  • เพิ่มยอดขาย
    บัตรกำนัลช่วยให้โรงแรมสามารถสร้างรายได้ล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าซื้อบัตรกำนัลก่อนที่จะใช้บริการจริง

  • ดึงดูดลูกค้าใหม่
    บัตรกำนัลมักเป็นของขวัญที่ลูกค้าซื้อให้กับคนอื่น ซึ่งช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ที่อาจไม่เคยมาใช้บริการที่โรงแรมมาก่อน

  • กระตุ้นการกลับมาของลูกค้า
    เมื่อลูกค้าได้รับบัตรกำนัล พวกเขาจะมีแรงจูงใจในการกลับมาที่โรงแรมเพื่อใช้บริการ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้บริการเพิ่มเติม

  • โปรโมทบริการพิเศษ
    โรงแรมสามารถใช้บัตรกำนัลเป็นเครื่องมือในการโปรโมทบริการใหม่ ๆ หรือการอัพเกรดบริการที่มีอยู่ เช่น สปาพิเศษหรือแพ็คเกจห้องพัก

  • จัดการโปรโมชั่นและข้อเสนอ
    ระบบ Gift Voucher Engine อำนวยความสะดวกในการตั้งค่าโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลดในช่วงเทศกาลหรือวันหยุด

  • เพิ่มการรับรู้แบรนด์
    การออกแบบบัตรกำนัลที่มีดีไซน์ดีและตรงกับแบรนด์ของโรงแรมสามารถช่วยในการสร้างการรับรู้แบรนด์และการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

  • ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล
    ระบบช่วยในการติดตามการขายและการใช้บัตรกำนัล ซึ่งช่วยให้โรงแรมสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับกลยุทธ์การตลาดได้

การสร้างและใช้ Gift Voucher Engine โรงแรมอาจทำเอง หรือใช้บริการจากผู้ให้บริการต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงแรมควรมีการวางแผนก่อน และสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้


ขั้นตอนการสร้างและใช้ Gift Voucher Engine

1. วางแผนและออกแบบบัตรกำนัล
  • กำหนดเป้าหมาย ตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการออกบัตรกำนัล เช่น การเพิ่มยอดขายห้องพัก, โปรโมทบริการพิเศษ, หรือดึงดูดลูกค้าใหม่
  • เลือกประเภทบัตรกำนัล เช่น บัตรกำนัลห้องพัก, บัตรกำนัลสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม, หรือแพ็คเกจรวมบริการหลายประเภท
  • ออกแบบบัตรกำนัล สร้างดีไซน์ที่น่าสนใจและตรงตามภาพลักษณ์ของโรงแรม รวมถึงรายละเอียดเช่น มูลค่า, เงื่อนไขการใช้, และวันหมดอายุ

2. ตั้งค่าระบบจัดการบัตรกำนัล
  • เลือกแพลตฟอร์ม ใช้ระบบจัดการบัตรกำนัลที่มีอยู่แล้วหรือพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองที่สามารถจัดการการออกและการใช้งานบัตรกำนัล
  • กำหนดฟังก์ชันการทำงาน ตั้งค่าระบบให้สามารถสร้างรหัสบัตรกำนัล, ตรวจสอบการใช้, และติดตามยอดขาย
  • การบูรณาการกับระบบที่มีอยู่ ทำให้ระบบบัตรกำนัลสามารถทำงานร่วมกับระบบจองห้องพักและระบบชำระเงินที่มีอยู่

3. โปรโมทบัตรกำนัล
  • ใช้ช่องทางการตลาด โปรโมทบัตรกำนัลผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม, โซเชียลมีเดีย, และอีเมล
  • เสนอโปรโมชั่นพิเศษ สร้างแคมเปญการตลาดที่ให้ส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษเมื่อซื้อบัตรกำนัล
  • จัดทำเนื้อหา ใช้เนื้อหาที่ดึงดูด เช่น รูปภาพที่สวยงาม, คำบรรยายที่น่าสนใจ, และรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอ

4. จำหน่ายและบริหารจัดการบัตรกำนัล
  • เปิดให้ซื้อ อนุญาตให้ลูกค้าซื้อบัตรกำนัลผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์, แพลตฟอร์มออนไลน์, หรือที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม
  • ติดตามการใช้งาน ใช้ระบบจัดการเพื่อติดตามการใช้บัตรกำนัลและตรวจสอบสถานะการใช้งาน
  • ให้บริการลูกค้า ตอบคำถามและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้บัตรกำนัล

5. ประเมินผลและปรับปรุง
  • วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลการขายและการใช้บัตรกำนัลเพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ
  • ปรับปรุงข้อเสนอ ใช้ข้อมูลที่ได้ในการปรับปรุงข้อเสนอและโปรโมชั่นเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

บทสรุป การดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้โรงแรมสามารถสร้างและใช้ Gift Voucher Engine ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้จากการขายบัตรกำนัล  การใช้ Gift Voucher Engine เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการเพิ่มรายได้และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว โดยการจัดการและบริหารบัตรกำนัลอย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มรายได้โรงแรมด้วย Direct Booking

Make a booking
ในยุคที่การจองห้องพักผ่าน Online Travel Agencies (OTA) เป็นที่นิยม การเพิ่ม Direct Booking ผ่านเว็บไซต์โรงแรมเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการจองตรงช่วยลดค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้กับ OTA และเพิ่มกำไรให้กับโรงแรมโดยตรง 

นอกจากนี้ยังช่วยให้โรงแรมสามารถควบคุมประสบการณ์ของแขกได้ดีขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเก็บข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุงบริการในอนาคต การพัฒนา Direct Booking ให้มีประสิทธิภาพจะทำให้โรงแรมสามารถมอบประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงและตอบโจทย์ความต้องการของแขกได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความพึงพอใจและสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง การเพิ่ม Direct Booking จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่โรงแรมควรให้ความสำคัญเพื่อความยั่งยืนและความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจโรงแรม

การเพิ่ม Direct Booking จาก Online Travel Agencies (OTA) เป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับโรงแรมหลายๆ แห่ง เพราะจะช่วยลดค่าคอมมิชชั่นที่จ่ายให้กับ OTA และเพิ่มกำไรให้กับโรงแรมเอง ต่อไปนี้คือเทคนิคต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้


7 เทคนิคเพื่อ Direct Booking

1. เสนอราคาที่ดีกว่า
 
เสนอราคาที่ต่ำกว่าหรือมีข้อเสนอพิเศษเมื่อจองผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง ซึ่งอาจรวมถึงส่วนลดพิเศษ สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หรือของขวัญต้อนรับ นี่จะทำให้ผู้จองมีแรงจูงใจที่จะจองตรงมากขึ้น

2. ปรับปรุงเว็บไซต์และระบบจองให้ใช้งานง่าย

ทำให้เว็บไซต์ของโรงแรมใช้งานง่าย โหลดเร็ว และรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ ระบบจองควรใช้งานง่าย มีการกรอกข้อมูลที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน เพื่อลดการทิ้งการจองในระหว่างทาง

เว็บไซต์ที่ดี จะต้องเขาเกณฑ์คือ โหลดเร็ว ดูสวยงาม เข้าถึงเมนูต่างๆ ได้ง่าย ไม่ซับซ้อน  รองรับการเปิดใช้งานทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน

3. สร้างความน่าเชื่อถือด้วยรีวิวและความคิดเห็น

แสดงรีวิวจากแขกที่เคยมาพักบนเว็บไซต์ของโรงแรมเอง สร้างความน่าเชื่อถือและให้แขกเห็นว่าผู้ที่เคยมาพักมีประสบการณ์ที่ดี ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับแขกใหม่

อาจใช้เครื่องมือในการตรวจสอบรีวิวออนไลน์ อย่างเช่น ReviewPro, TrustYou เป็นต้น

4. พัฒนาโปรแกรมสมาชิกหรือ Loyalty Program

สร้างโปรแกรมสมาชิกที่เสนอส่วนลดหรือสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกเมื่อจองตรง เช่น คะแนนสะสมที่สามารถแลกห้องพักฟรี หรืออัปเกรดห้องพักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

5. ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียและการตลาดดิจิทัล

ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมต่างๆ ของโรงแรม ควรมีการทำโฆษณาผ่าน Google Ads, Facebook Ads หรือช่องทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มการรับรู้และดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาจองตรงมากขึ้น

6. เสนอข้อเสนอพิเศษสำหรับการจองล่วงหน้า

กระตุ้นให้ผู้จองทำการจองล่วงหน้าโดยเสนอราคาพิเศษหรือข้อเสนอที่ดีขึ้นสำหรับการจองที่ทำล่วงหน้า เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนเลือกจองตรงและวางแผนการเดินทางล่วงหน้า

7. ให้บริการลูกค้าที่เป็นเลิศ
การให้บริการลูกค้าที่รวดเร็วและใส่ใจสามารถสร้างความประทับใจและทำให้แขกอยากกลับมาพักอีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะจองตรงมากขึ้น การมีทีมบริการลูกค้าที่สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของแขก

บทสรุป การนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ จะสามารถช่วยให้โรงแรมสามารถเพิ่ม Direct Booking และลดการพึ่งพา OTA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้โรงแรมมีกำไรมากขึ้นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแขกผู้เข้าพัก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เราจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

เทคโนโลยีโรงแรมในอีก 10 ปีข้างหน้า

Hotel Technology Services

ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรมให้ตอบสนองต่อความต้องการ และความคาดหวังของผู้เข้าพักที่เพิ่มขึ้น การเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติจะเป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าของโรงแรม

จากคำทำนายของ Ai ในอีก 10 ปีข้างหน้า โรงแรมจะต้องปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ระบบอัจฉริยะเช่น AI และ IoT จะช่วยให้โรงแรมสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

ขณะที่การใช้บล็อกเชนและเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยจะเพิ่มความมั่นคงและความเชื่อถือได้ในการให้บริการ เทคโนโลยีเสมือนจริงและการใช้หุ่นยนต์ในการบริการจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกสะดวกสบายและพิเศษกว่าเดิม 

การพัฒนาเหล่านี้ไม่เพียงแค่เสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนและความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงแรมในอนาคตด้วย


แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับโรงแรมในอีก 10 ปีข้างหน้า

1. โรงแรมอัจฉริยะที่ใช้ AI
  • รายละเอียด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงบริการของโรงแรม เช่น ระบบตอบคำถามอัตโนมัติ (Chatbot) ที่สามารถตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับบริการโรงแรมได้ทันที และสามารถช่วยในการทำความสะอาดห้องพักผ่านหุ่นยนต์ที่มีการเชื่อมต่อกับ AI เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานตามความต้องการของลูกค้า

  • ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Marriott ได้ทดลองใช้ AI สำหรับการให้บริการข้อมูลและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

2. ระบบเช็คอินและเช็คเอาท์แบบไร้สัมผัส
  • รายละเอียด การใช้เทคโนโลยีเช็คอินและเช็คเอาท์แบบไร้สัมผัสจะเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้เข้าพัก โดยใช้แอปพลิเคชันมือถือหรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ผู้เข้าพักสามารถทำการเช็คอินล่วงหน้าและเข้าไปในห้องพักโดยไม่ต้องใช้กุญแจ

  • ตัวอย่าง Hilton Hotels ได้พัฒนาระบบ Digital Key ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการปลดล็อกประตูห้องพักได้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อทำให้การเช็คอินรวดเร็วและสะดวกขึ้น

3. การใช้หุ่นยนต์ในการบริการ
  • รายละเอียด หุ่นยนต์สามารถทำงานต่าง ๆ ภายในโรงแรม เช่น ส่งอาหารไปยังห้องพัก นำกระเป๋าไปยังห้องพัก และทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและมีความแม่นยำสูง ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

  • ตัวอย่าง โรงแรม Henn-na ในญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์ในการทำงานแทนพนักงาน เช่น หุ่นยนต์ต้อนรับที่สามารถเช็คอินลูกค้าได้ และหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ส่งของไปยังห้องพัก

4. ห้องพักที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
  • รายละเอียด ห้องพักจะสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในตามความต้องการของผู้เข้าพักได้ เช่น ปรับแสงไฟ เสียงเพลง และอุณหภูมิ ผ่านระบบควบคุมอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ IoT

  • ตัวอย่าง โรงแรม CitizenM ใช้ระบบ MoodPad ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถควบคุมแสง อุณหภูมิ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องพักได้ผ่านแท็บเล็ตที่ติดตั้งในห้อง

5. เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) และเสริมจริง (AR)
  • รายละเอียด VR และ AR จะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เข้าพัก เช่น การใช้ VR เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถชมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้โรงแรม หรือการใช้ AR เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่สำคัญภายในโรงแรม

  • ตัวอย่าง โรงแรม Marriott ได้เปิดตัวประสบการณ์ VR ชื่อ “VRoom Service” ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถชมการท่องเที่ยวเสมือนจริงไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจากห้องพัก

6. อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อการบริหารจัดการพลังงาน
  • รายละเอียด ระบบ IoT จะถูกใช้ในการตรวจสอบและจัดการการใช้พลังงานในโรงแรม เช่น การควบคุมการเปิดปิดแสงไฟและเครื่องปรับอากาศโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง หรือการตรวจสอบการใช้พลังงานในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ตัวอย่าง โรงแรม InterContinental ได้ใช้ระบบ IoT ในการตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 20% ผ่านการจัดการอัจฉริยะ

7. ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ
  • รายละเอียด ระบบความปลอดภัยในโรงแรมจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น กล้องวงจรปิดที่มี AI สำหรับการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ และระบบการจดจำใบหน้าที่สามารถตรวจจับผู้เข้าพักที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Hyatt ใช้ระบบกล้องวงจรปิดที่มีความสามารถในการจดจำใบหน้าและการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

8. แพลตฟอร์มบล็อกเชนสำหรับการจองและชำระเงิน
  • รายละเอียด บล็อกเชนจะถูกนำมาใช้ในการจองห้องพักและการชำระเงินเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย การใช้บล็อกเชนช่วยให้การทำธุรกรรมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบได้ง่าย

  • ตัวอย่าง Slock.it บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชน ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนเพื่อการจองห้องพักและการเช็คอินแบบไร้สัมผัส ลดความเสี่ยงจากการโกงหรือการละเมิดข้อมูล

9. แอปพลิเคชันและระบบออนไลน์สำหรับการสั่งซื้อบริการ
  • รายละเอียด ผู้เข้าพักสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่ม บริการทำความสะอาด หรือการจองสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ผ่านมือถือ การใช้แอปพลิเคชันทำให้การสั่งบริการรวดเร็วและสะดวกขึ้น

  • ตัวอย่าง แอปพลิเคชัน Bonvoy ของ Marriott ช่วยให้ผู้เข้าพักสามารถสั่งอาหาร เช็คเอาท์ และจองบริการเสริมต่าง ๆ ได้จากสมาร์ทโฟนของตนเอง

10. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า
  • รายละเอียด โรงแรมจะใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมและความชื่นชอบของผู้เข้าพัก จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงบริการ เช่น เสนอโปรโมชั่นพิเศษหรือบริการที่ตรงตามความต้องการ

  • ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Accor ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามพฤติกรรมของลูกค้าในทุกๆ การเข้าพัก และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับปรุงประสบการณ์ที่ดีขึ้นในครั้งถัดไป

บทสรุป 10 เทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานของโรงแรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นและพิเศษให้กับผู้เข้าพักด้วย เทคโนโลยีบางอย่างอาจเกิดขึ้นภายใน 1-2 ปีนี้ ดังนั้น การปรับตัวให้ทัน จะสามารถช่วยให้ธุรกิจโรงแรมสามารถดำเนินต่อไปได้ในอนาคต

Electronic Direct Mail สำคัญอย่างไรกับ Marketing

Electronic Direct Mail

การทำการตลาดในยุคปัจจุบันต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างการรับรู้แบรนด์ การตลาดดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย การโฆษณาออนไลน์ และการทำ SEO  

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมคือการส่งอีเมลโดยตรง (EDM) ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลโปรโมชั่นและข่าวสารสำคัญไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ แถมยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ

EDM (Electronic Direct Mail) คือ การส่งอีเมลตรงถึงลูกค้าเป้าหมายโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อการตลาด การโฆษณา หรือการสื่อสารทางธุรกิจ โดยอีเมลเหล่านี้มักจะมีเนื้อหาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายและสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความสนใจของแต่ละบุคคลได้


ความสำคัญของ EDM ในการทำการตลาด

1. การติดต่อสื่อสารที่ตรงกลุ่ม

  • EDM ช่วยให้สามารถส่งข้อความไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบรับและการแปลงลูกค้าเป็นลูกค้าใหม่

2. การปรับแต่งและการติดตาม 

  • สามารถปรับแต่งเนื้อหาและรูปแบบของอีเมลเพื่อให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า และติดตามผลลัพธ์จากการส่งอีเมล เช่น อัตราการเปิดอ่านและการคลิก

3. ต้นทุนต่ำ 

  • เปรียบเทียบกับการโฆษณาในรูปแบบอื่น ๆ เช่น โฆษณาทีวีหรือวิทยุ EDM มีต้นทุนที่ต่ำและสามารถควบคุมงบประมาณได้ดี


บริษัทที่ให้บริการ EDM

  • Mailchimp
    แพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือสำหรับการสร้างและส่งอีเมลที่มีฟังก์ชันครบครัน และมีเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อช่วยในการติดตามผล

  • Sendinblue
    ให้บริการ EDM พร้อมฟีเจอร์สำหรับการทำตลาดผ่าน SMS และการจัดการลูกค้า (CRM)

  • Constant Contact
    แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือในการออกแบบอีเมล และการจัดการรายชื่อผู้รับ

  • Campaign Monitor
    เน้นการออกแบบอีเมลที่มีความสวยงามและเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ

  • GetResponse
    มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับการทำตลาดอีเมล การสร้างหน้า Landing Page และการทำการตลาดอัตโนมัติ


การเลือกบริษัทที่ให้บริการ EDM ควรพิจารณาความต้องการเฉพาะของธุรกิจ เช่น งบประมาณ ฟีเจอร์ที่ต้องการ และความสะดวกในการใช้งาน 

การส่ง EDM (Electronic Direct Mail) อย่างมีประสิทธิภาพต้องมีการวางแผนและการดำเนินการที่ดีเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ นี่คือคำแนะนำในการส่ง EDM


ทิปการส่ง EDM (Electronic Direct Mail) 

1. กำหนดวัตถุประสงค์

  • กำหนดเป้าหมาย ก่อนส่งอีเมล ควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างความรู้จักแบรนด์ หรือการกระตุ้นการสมัครสมาชิก
  • กำหนด KPIs ตั้งตัวชี้วัดความสำเร็จ เช่น อัตราการเปิดอ่าน อัตราการคลิก และอัตราการแปลง

2. สร้างรายชื่อผู้รับที่มีคุณภาพ

  • เลือกกลุ่มเป้าหมาย คัดเลือกผู้รับที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ โดยการใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า หรือข้อมูลจาก CRM
  • รักษาคุณภาพของรายชื่อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายชื่อผู้รับเป็นปัจจุบันและไม่มีอีเมลที่ไม่ถูกต้อง

3. ออกแบบเนื้อหาให้ดึงดูด

  • หัวข้อที่น่าสนใจ ใช้หัวข้อที่กระชับและดึงดูดความสนใจ เพื่อเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน
  • เนื้อหาที่มีคุณค่า ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับ
  • การออกแบบที่สวยงาม ใช้การออกแบบที่เป็นมืออาชีพ รวมถึงรูปภาพและการจัดวางที่ชัดเจน

4. ใช้การส่งอีเมลที่มีการปรับแต่ง

  • การปรับแต่งเนื้อหา ใช้ข้อมูลของผู้รับในการปรับแต่งเนื้อหา เช่น การใช้ชื่อของผู้รับในข้อความ
  • การแบ่งกลุ่ม ส่งเนื้อหาที่แตกต่างกันไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันตามความสนใจ

5. ทดสอบและปรับปรุง

  • การทดสอบ A/B ทดสอบรูปแบบและเนื้อหาต่าง ๆ เพื่อดูว่าอะไรทำงานได้ดีที่สุด
  • การวิเคราะห์ผลลัพธ์ ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการส่ง EDM เช่น อัตราการเปิดอ่าน การคลิก และการแปลง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงแคมเปญในอนาคต

6. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ

  • การปฏิบัติตามกฎหมาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการส่ง EDM ของคุณเป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับการตลาดทางอีเมล เช่น การให้ตัวเลือกในการยกเลิกการรับอีเมล (Unsubscribe) และการปฏิบัติตาม GDPR หรือ CAN-SPAM Act


บทสรุป EDM เป็นวิธีหนึ่งในการทำการตลาด (Digital Marketing) ที่ประหยัดและคุ้มค่ามาก การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การส่ง EDM ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

#Digital #DigitalMarketing #Marketing

Hotel Booking Engine คืออะไร

Make a booking

Hotel Booking Engine (เครื่องมือจองห้องพักสำหรับโรงแรม) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจองห้องพักในโรงแรมผ่านทางเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ บางคนก็อาจเรียกว่า Internet Booking Engine หรือเรียกย่อๆ ว่า IBE


ตัวอย่างฟังก์ชันของ Hotel Booking Engine
  • การตรวจสอบความพร้อมของห้องพัก
  • การเลือกประเภทห้อง
  • การกำหนดวันเข้าพักและวันออก
  • การชำระเงิน 
  • ระบบการส่งอีเมลเพื่อยืนยันการจอง
  • ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway)
  • รายงาน
นอกจากนี้ ระบบ Hotel Booking Engine ที่ดี มักจะมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบการจัดการโรงแรม (PMS) ทำให้แผนกสำรองห้องพัก ไม่จำเป็นต้องบันทึกข้อมูลการจองของลูกค้า นอกจากนี้อาจรวมฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การจัดการโปรโมชั่นและการวิเคราะห์ข้อมูลการจองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจโรงแรม

บทความนี้ จะมาแนะนำแนวทางในการเลือกใช้บริการ Booking Engine แบบจ่ายรายเดือน รายปี โดยปกติจะให้การให้บริการเช่าใช้ ไม่มีการขายขาด

วิธีเลือกใช้บริการ Hotel Booking Engine

1. ตรวจสอบความต้องการของโรงแรม

รายละเอียด: ก่อนที่จะเลือกเครื่องมือจองห้องพัก คุณต้องประเมินความต้องการของโรงแรมเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องมือที่เลือกสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ เช่น ขนาดของโรงแรม (จำนวนห้องพัก), รูปแบบห้องพักที่มี (ห้องเดี่ยว, ห้องคู่, ห้องสวีท), และปริมาณการจองที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ตัวอย่าง: หากคุณมีโรงแรมขนาดเล็กที่มีห้องพักเพียง 20 ห้อง การเลือกเครื่องมือที่มีฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานและราคาสมเหตุสมผลอาจเพียงพอ แต่ถ้าคุณมีโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพักหลายร้อยห้องและต้องการการจัดการโปรโมชั่นที่ซับซ้อน คุณอาจต้องมองหาเครื่องมือที่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมและความสามารถในการปรับแต่งสูง

2. เปรียบเทียบผู้ให้บริการ

รายละเอียด: เปรียบเทียบผู้ให้บริการที่แตกต่างกันโดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบการจัดการโรงแรม (PMS), การสนับสนุนหลายภาษา, การสนับสนุนระบบการชำระเงินออนไลน์, ราคา, และฟีเจอร์เสริมต่างๆ

ตัวอย่าง: คุณอาจพิจารณาเครื่องมือจองห้องพักจากผู้ให้บริการเช่น Travelanium, SiteMinder, หรือ Booksy. แต่ละผู้ให้บริการอาจมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ควรตรวจสอบให้ดีก่อนการพิจารณา

3. การทดสอบระบบ

รายละเอียด: ใช้เวอร์ชันทดลอง (demo) ของระบบหรือทดสอบฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบนั้นตรงตามความต้องการของโรงแรม การทดสอบควรครอบคลุมการใช้งานทั้งด้านพนักงานและลูกค้า

ตัวอย่าง: ลองใช้ระบบจองห้องพักที่คุณสนใจเพื่อสร้างการจอง, ตรวจสอบความพร้อมของห้อง, และทำการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ ดูว่าเป็นไปตามความคาดหวังหรือไม่ เช่น ตรวจสอบว่าเครื่องมือสามารถรองรับการจองในหลายภาษาหรือไม่ และการจัดการการชำระเงินสะดวกหรือไม่

4. การฝึกอบรมและการสนับสนุน

รายละเอียด: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีการฝึกอบรมพนักงานและการสนับสนุนทางเทคนิคอย่างไร เพื่อให้การใช้งานเครื่องมือจองห้องพักเป็นไปได้อย่างราบรื่น การฝึกอบรมที่ดีช่วยให้พนักงานสามารถใช้ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง: ผู้ให้บริการบางรายอาจมีการฝึกอบรมผ่านการสัมมนาออนไลน์หรือวิดีโอการสอน สำหรับการสนับสนุน อาจมีทีมช่วยเหลือลูกค้าทางโทรศัพท์หรืออีเมลในกรณีที่เกิดปัญหา เช่น ถ้าพนักงานไม่สามารถเข้าใช้ระบบได้หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการจอง

5. การติดตั้งและบูรณาการ

รายละเอียด: เมื่อตัดสินใจเลือกเครื่องมือแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการติดตั้งและเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่ เช่น ระบบการจัดการโรงแรม (PMS) และระบบการชำระเงิน การบูรณาการที่ดีช่วยให้ข้อมูลต่างๆ ไหลลื่นและไม่มีปัญหา

ตัวอย่าง: หากคุณใช้ระบบ PMS เช่น Opera PMS หรือ Comanche PMS, คุณต้องตรวจสอบว่าเครื่องมือจองห้องพักที่เลือกสามารถเชื่อมต่อกับระบบ PMS ของคุณได้อย่างราบรื่น หากมีปัญหาในการบูรณาการ อาจต้องขอความช่วยเหลือจากทีมสนับสนุนของผู้ให้บริการ

6. การติดตามผลและการปรับปรุง

รายละเอียด: ติดตามผลการใช้งานเครื่องมือจองห้องพักอย่างต่อเนื่อง รวบรวมความคิดเห็นจากพนักงานและลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่าง: หากพบว่าลูกค้าร้องเรียนเกี่ยวกับความยุ่งยากในการทำการจองผ่านมือถือ อาจต้องทำการปรับปรุงระบบให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ เช่น ปรับปรุงอินเทอร์เฟซให้เหมาะสมกับหน้าจอขนาดเล็ก หรือเพิ่มฟีเจอร์การแจ้งเตือนการจองผ่านมือถือ

บทสรุป การเลือกเครื่องมือจองห้องพักที่เหมาะสมและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการจองห้องพักในโรงแรมได้อย่างมีนัยสำคัญ

GDPR คืออะไร

Pesonal Data

General Data Protection Regulation
(GDPR) เป็นข้อกำหนดด้านการปกป้องข้อมูลของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2018 เป้าหมายหลักของ GDPR คือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในสหภาพยุโรปและให้อำนาจการควบคุมแก่เจ้าของข้อมูล 

เทคโนโลยีการบริหารจัดการที่จอดรถ

Car Park Hitech
ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอาคารสำนักงานส่วนใหญ่ จำเป็นจะต้องมีที่จอดรถ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ระบบการจัดการที่จอดรถจึงเป็นสิ่งสำคัญ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย 

รีวิวและความคิดเห็นลูกค้า ตัวช่วยธุรกิจโรงแรม

Guest Survey
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การจัดการรีวิว (Reviews) และความคิดเห็นลูกค้า (Survey) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างและรักษาชื่อเสียงที่ดี การรีวิวออนไลน์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลูกค้าและสามารถส่งผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างมาก 

เทคนิคใช้ SEO ทำการตลาดออนไลน์

Online Marketing

สำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ การใช้เครื่องมือ SEO (Search Engine Optimization) สำหรับการตลาดออนไลน์เป็นวิธีที่สำคัญในการเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google  

Google Analytics 4 คืออะไร

Analytics Report

Google Analytics 4 (GA4) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัยจาก Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักการตลาดในยุคดิจิทัล GA4 นำเสนอการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในแพลตฟอร์มเดียวกัน 

ทำความรู้จัก Access Point (AP)

Access Point

Access Point (AP) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการสร้างและขยายเครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi) ให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, และแท็บเล็ต เข้ากับเครือข่ายหลัก 

แบบทดสอบระบบโรงแรม

Hotel Quiz

ระบบซอฟต์แวร์โรงแรมเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการโรงแรมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการจองห้องพัก การจัดการลูกค้า ระบบการจัดการร้านอาหาร รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการบริการ 

ความสำคัญของ Channel Manager ที่มีต่อโรงแรม

Chart on Computer

Channel Manager เป็นระบบจัดการช่องทางการขายสำหรับธุรกิจโรงแรม ซึ่งช่วยในการบริหารและปรับปรุงข้อมูลการจองห้องพักที่มาจากช่องทางการขายออนไลน์ต่าง ๆ เช่น OTA (Online Travel Agents) และเว็บไซต์ของโรงแรม 

กฏหมาย PDPA เรื่องที่ทุกคนต้องรู้

PDPA

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เป็นกฎหมายที่สำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลทั่วไป ซึ่งมีผลบังคับใช้กับทุกธุรกิจที่มีการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็เป็นหนึ่งในนั้น 

เจาะลึก Internet Gateway สำหรับโรงแรม

Hotel Guest Room Wi-Fi

การให้บริการอินเตอร์เน็ตในธุรกิจโรงแรม เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่ทุกโรงแรมควรมี สืบเนื่องด้วยความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ ดังนั้น โรงแรมจึงมีความจำเป็นจะต้องมีระบบที่ใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการ

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในธุรกิจโรงแรม

Hotel Robot

ธุรกิจโรงแรม เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะโรงแรมภายในประเทศ รวมถึงต่างประเทศด้วยเช่นกัน การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ จึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ควรพิจารณาให้ถ้วนดี่ก่อน

ระบบ Back Office โรงแรม

Financial

ระบบบัญชีของธุรกิจโรงแรมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยจัดการการเงินและรายงานทางการเงินให้มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง ซึ่งรวมถึงการจัดการรายรับ รายจ่าย การชำระเงิน และการจัดการบัญชีต่าง ๆ ของโรงแรม ระบบบัญชีในธุรกิจโรงแรมมักจะมีความสัมพันธ์กับระบบอื่น ๆ