The Most/Recent Articles
Green Hotel คืออะไร
เทคนิคประหยัดไฟในห้องพักโรงแรม
การประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการให้บริการผู้เข้าพัก เช่น การใช้ไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับโรงแรมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีเช่นระบบ RCU (Room Control Unit) มาใช้ในโรงแรมยังเป็นทางออกที่ช่วยในการควบคุมและบริหารจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ทั้งนี้ยังส่งผลให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์การใช้บริการที่สะดวกสบายและทันสมัย ทำให้โรงแรมสามารถมอบความพึงพอใจสูงสุดได้
RCU คืออะไร
RCU (Room Control Unit) คืออุปกรณ์ควบคุมระบบห้องพักที่ใช้ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมสิ่งต่างๆ ภายในห้องพัก เช่น ระบบไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์, ผ้าม่านอัตโนมัติ, และระบบความปลอดภัย เช่น การล็อคประตู โดยผู้เข้าพักสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สวิตช์ภายในห้องพัก หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
ประโยชน์ของ RCU ในธุรกิจโรงแรม
- เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพัก: ผู้เข้าพักสามารถควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดได้ในจุดเดียว เช่น การเปิด-ปิดไฟ หรือปรับอุณหภูมิของห้อง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาหลายขั้นตอน
- ประหยัดพลังงาน: ระบบสามารถตั้งค่าให้ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติเมื่อผู้เข้าพักไม่อยู่ในห้อง หรือในบางเวลา เช่น ตอนดึกที่ไม่ต้องเปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศสูง
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงแรม: พนักงานสามารถควบคุมระบบในแต่ละห้องจากส่วนกลาง เพื่อตรวจสอบสถานะห้อง หรือเปิดระบบก่อนที่ผู้เข้าพักจะเข้าห้องได้
- ยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพัก: ระบบที่ทันสมัยทำให้โรงแรมดูหรูหราและมีการบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น
การติดตั้งและการใช้งาน RCU ในโรงแรม
- วางแผนระบบ
การติดตั้งต้องเริ่มจากการวางระบบสายไฟฟ้าและการวางแผนตำแหน่งของอุปกรณ์ที่จะติดตั้งในห้องพัก - เลือกอุปกรณ์
ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ RCU เช่น สวิตช์ควบคุม, ระบบควบคุมอุณหภูมิ, และเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว - ติดตั้งและเชื่อมต่อ
ทำการติดตั้งอุปกรณ์ตามแผนที่วางไว้และทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ RCU - การตั้งค่าและการทดสอบ
ตั้งค่าโปรแกรมควบคุมให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงในห้องพัก และทำการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้ตามที่ต้องการ - การบำรุงรักษา
ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีควบคุมระบบ RCU
- ระบบ RCU มักจะมีแผงควบคุมติดตั้งอยู่ในห้องพัก เช่น สวิตช์ควบคุมไฟ, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน หรือระบบล็อกประตู ผู้เข้าพักสามารถใช้แผงควบคุมเหล่านี้เพื่อปรับการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องพักได้ทันที โดยระบบอาจจะมีทั้งแบบกดปุ่มหรือแบบจอสัมผัส
- โรงแรมหลายแห่งพัฒนาหรือใช้แอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในห้องพักผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ผู้เข้าพักสามารถใช้แอปฯ นี้เพื่อเปิด-ปิดไฟ, ปรับอุณหภูมิ, เปิด-ปิดผ้าม่าน หรือสั่งการระบบอื่น ๆ ภายในห้องพักได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเดินไปที่แผงควบคุม
- บางระบบอาจมาพร้อมรีโมทคอนโทรลที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อควบคุมอุปกรณ์ในห้องพัก เช่น การปรับแสงไฟ, อุณหภูมิ หรือการเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายสำหรับผู้เข้าพัก
- เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัจฉริยะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการควบคุมอุปกรณ์ภายในห้อง เช่น เมื่อผู้เข้าพักเข้าห้อง ระบบไฟและเครื่องปรับอากาศจะเปิดอัตโนมัติ หรือเมื่อผู้เข้าพักออกจากห้อง อุปกรณ์ทั้งหมดจะปิดเองเพื่อประหยัดพลังงาน
- โรงแรมสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของห้องพักทั้งหมดจากศูนย์ควบคุมส่วนกลางได้ พนักงานสามารถเช็คสถานะห้องได้ว่าเปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้หรือไม่ และสามารถปิดได้จากระยะไกล นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าระบบให้เตรียมพร้อมเมื่อผู้เข้าพักใกล้จะเช็คอิน
- หากใช้แผงควบคุมในห้องพัก เพียงแค่กดปุ่มหรือสั่งการผ่านจอสัมผัสที่กำหนดไว้
- ถ้าใช้แอปพลิเคชันหรือรีโมท ให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายของโรงแรมและทำการสั่งงานจากอุปกรณ์ที่กำหนด
- การควบคุมผ่านเซนเซอร์ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม เพราะระบบจะทำงานอัตโนมัติตามการเคลื่อนไหวของผู้เข้าพัก
วิเคราะห์ข้อมูลโรงแรมคู่แข่งผ่าน STR
การวิเคราะห์ข้อมูลและแนวโน้ม
STR ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินงานของโรงแรม เช่น อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate), อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (Average Daily Rate - ADR), และรายได้ต่อห้องพัก (Revenue Per Available Room - RevPAR) ซึ่งช่วยให้เจ้าของโรงแรมและผู้จัดการสามารถเข้าใจแนวโน้มการตลาดและประสิทธิภาพของโรงแรมในพื้นที่ที่ตนดำเนินการ
ข้อมูลที่ได้จาก STR ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโรงแรมกับคู่แข่งในตลาดเดียวกันหรือในระดับภูมิภาคได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจตนเองได้
การวางแผนและกลยุทธ์
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยและการเข้าพักช่วยให้สามารถตั้งราคาห้องพักได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการจัดการโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษได้ดีขึ้น
การวิเคราะห์ข้อมูลจาก STR สามารถช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด เช่น การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย, การวางแผนโฆษณา, และการจัดการการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน
- เว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและรายงานการวิจัย
- URL: hoodline.com
- TravelClick ให้ข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือวิเคราะห์สำหรับธุรกิจโรงแรม รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าพักและการตั้งราคาห้องพัก
- URL: travelclick.com
- เว็บไซต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ STR แต่เน้นที่การให้ข้อมูลและการวิเคราะห์ตลาดในระดับโลก โดยเฉพาะสำหรับโรงแรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
- URL: strglobal.com
- เว็บไซต์ที่เสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ทางธุรกิจโรงแรม รวมถึงการจัดการประชุมและการสัมมนาเพื่อแบ่งปันข้อมูลในอุตสาหกรรม
- URL: hoteldataconference.com
สรุปได้ว่า STR เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจโรงแรมสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก, เปรียบเทียบกับคู่แข่ง, และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ
เพิ่มรายได้โรงแรมผ่าน Gift Voucher
ประโยชน์ของ Gift Voucher Engine
- เพิ่มยอดขาย
บัตรกำนัลช่วยให้โรงแรมสามารถสร้างรายได้ล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าซื้อบัตรกำนัลก่อนที่จะใช้บริการจริง - ดึงดูดลูกค้าใหม่
บัตรกำนัลมักเป็นของขวัญที่ลูกค้าซื้อให้กับคนอื่น ซึ่งช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ที่อาจไม่เคยมาใช้บริการที่โรงแรมมาก่อน - กระตุ้นการกลับมาของลูกค้า
เมื่อลูกค้าได้รับบัตรกำนัล พวกเขาจะมีแรงจูงใจในการกลับมาที่โรงแรมเพื่อใช้บริการ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้บริการเพิ่มเติม - โปรโมทบริการพิเศษ
โรงแรมสามารถใช้บัตรกำนัลเป็นเครื่องมือในการโปรโมทบริการใหม่ ๆ หรือการอัพเกรดบริการที่มีอยู่ เช่น สปาพิเศษหรือแพ็คเกจห้องพัก - จัดการโปรโมชั่นและข้อเสนอ
ระบบ Gift Voucher Engine อำนวยความสะดวกในการตั้งค่าโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษ เช่น ส่วนลดในช่วงเทศกาลหรือวันหยุด - เพิ่มการรับรู้แบรนด์
การออกแบบบัตรกำนัลที่มีดีไซน์ดีและตรงกับแบรนด์ของโรงแรมสามารถช่วยในการสร้างการรับรู้แบรนด์และการตลาดที่มีประสิทธิภาพ - ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล
ระบบช่วยในการติดตามการขายและการใช้บัตรกำนัล ซึ่งช่วยให้โรงแรมสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับกลยุทธ์การตลาดได้
ขั้นตอนการสร้างและใช้ Gift Voucher Engine
- กำหนดเป้าหมาย ตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการออกบัตรกำนัล เช่น การเพิ่มยอดขายห้องพัก, โปรโมทบริการพิเศษ, หรือดึงดูดลูกค้าใหม่
- เลือกประเภทบัตรกำนัล เช่น บัตรกำนัลห้องพัก, บัตรกำนัลสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม, หรือแพ็คเกจรวมบริการหลายประเภท
- ออกแบบบัตรกำนัล สร้างดีไซน์ที่น่าสนใจและตรงตามภาพลักษณ์ของโรงแรม รวมถึงรายละเอียดเช่น มูลค่า, เงื่อนไขการใช้, และวันหมดอายุ
- เลือกแพลตฟอร์ม ใช้ระบบจัดการบัตรกำนัลที่มีอยู่แล้วหรือพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองที่สามารถจัดการการออกและการใช้งานบัตรกำนัล
- กำหนดฟังก์ชันการทำงาน ตั้งค่าระบบให้สามารถสร้างรหัสบัตรกำนัล, ตรวจสอบการใช้, และติดตามยอดขาย
- การบูรณาการกับระบบที่มีอยู่ ทำให้ระบบบัตรกำนัลสามารถทำงานร่วมกับระบบจองห้องพักและระบบชำระเงินที่มีอยู่
- ใช้ช่องทางการตลาด โปรโมทบัตรกำนัลผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม, โซเชียลมีเดีย, และอีเมล
- เสนอโปรโมชั่นพิเศษ สร้างแคมเปญการตลาดที่ให้ส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษเมื่อซื้อบัตรกำนัล
- จัดทำเนื้อหา ใช้เนื้อหาที่ดึงดูด เช่น รูปภาพที่สวยงาม, คำบรรยายที่น่าสนใจ, และรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอ
- เปิดให้ซื้อ อนุญาตให้ลูกค้าซื้อบัตรกำนัลผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์, แพลตฟอร์มออนไลน์, หรือที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม
- ติดตามการใช้งาน ใช้ระบบจัดการเพื่อติดตามการใช้บัตรกำนัลและตรวจสอบสถานะการใช้งาน
- ให้บริการลูกค้า ตอบคำถามและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้บัตรกำนัล
- วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลการขายและการใช้บัตรกำนัลเพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ
- ปรับปรุงข้อเสนอ ใช้ข้อมูลที่ได้ในการปรับปรุงข้อเสนอและโปรโมชั่นเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
เพิ่มรายได้โรงแรมด้วย Direct Booking
7 เทคนิคเพื่อ Direct Booking
เสนอราคาที่ต่ำกว่าหรือมีข้อเสนอพิเศษเมื่อจองผ่านเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง ซึ่งอาจรวมถึงส่วนลดพิเศษ สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หรือของขวัญต้อนรับ นี่จะทำให้ผู้จองมีแรงจูงใจที่จะจองตรงมากขึ้น
ทำให้เว็บไซต์ของโรงแรมใช้งานง่าย โหลดเร็ว และรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ ระบบจองควรใช้งานง่าย มีการกรอกข้อมูลที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน เพื่อลดการทิ้งการจองในระหว่างทาง
แสดงรีวิวจากแขกที่เคยมาพักบนเว็บไซต์ของโรงแรมเอง สร้างความน่าเชื่อถือและให้แขกเห็นว่าผู้ที่เคยมาพักมีประสบการณ์ที่ดี ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับแขกใหม่
สร้างโปรแกรมสมาชิกที่เสนอส่วนลดหรือสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกเมื่อจองตรง เช่น คะแนนสะสมที่สามารถแลกห้องพักฟรี หรืออัปเกรดห้องพักโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมต่างๆ ของโรงแรม ควรมีการทำโฆษณาผ่าน Google Ads, Facebook Ads หรือช่องทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มการรับรู้และดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาจองตรงมากขึ้น
กระตุ้นให้ผู้จองทำการจองล่วงหน้าโดยเสนอราคาพิเศษหรือข้อเสนอที่ดีขึ้นสำหรับการจองที่ทำล่วงหน้า เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนเลือกจองตรงและวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
เทคโนโลยีโรงแรมในอีก 10 ปีข้างหน้า
แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับโรงแรมในอีก 10 ปีข้างหน้า
- รายละเอียด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงบริการของโรงแรม เช่น ระบบตอบคำถามอัตโนมัติ (Chatbot) ที่สามารถตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับบริการโรงแรมได้ทันที และสามารถช่วยในการทำความสะอาดห้องพักผ่านหุ่นยนต์ที่มีการเชื่อมต่อกับ AI เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานตามความต้องการของลูกค้า
- ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Marriott ได้ทดลองใช้ AI สำหรับการให้บริการข้อมูลและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- รายละเอียด การใช้เทคโนโลยีเช็คอินและเช็คเอาท์แบบไร้สัมผัสจะเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้เข้าพัก โดยใช้แอปพลิเคชันมือถือหรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ผู้เข้าพักสามารถทำการเช็คอินล่วงหน้าและเข้าไปในห้องพักโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
- ตัวอย่าง Hilton Hotels ได้พัฒนาระบบ Digital Key ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการปลดล็อกประตูห้องพักได้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อทำให้การเช็คอินรวดเร็วและสะดวกขึ้น
- รายละเอียด หุ่นยนต์สามารถทำงานต่าง ๆ ภายในโรงแรม เช่น ส่งอาหารไปยังห้องพัก นำกระเป๋าไปยังห้องพัก และทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและมีความแม่นยำสูง ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
- ตัวอย่าง โรงแรม Henn-na ในญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์ในการทำงานแทนพนักงาน เช่น หุ่นยนต์ต้อนรับที่สามารถเช็คอินลูกค้าได้ และหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ส่งของไปยังห้องพัก
- รายละเอียด ห้องพักจะสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในตามความต้องการของผู้เข้าพักได้ เช่น ปรับแสงไฟ เสียงเพลง และอุณหภูมิ ผ่านระบบควบคุมอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ IoT
- ตัวอย่าง โรงแรม CitizenM ใช้ระบบ MoodPad ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถควบคุมแสง อุณหภูมิ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องพักได้ผ่านแท็บเล็ตที่ติดตั้งในห้อง
- รายละเอียด VR และ AR จะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เข้าพัก เช่น การใช้ VR เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถชมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้โรงแรม หรือการใช้ AR เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่สำคัญภายในโรงแรม
- ตัวอย่าง โรงแรม Marriott ได้เปิดตัวประสบการณ์ VR ชื่อ “VRoom Service” ที่ให้ผู้เข้าพักสามารถชมการท่องเที่ยวเสมือนจริงไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจากห้องพัก
- รายละเอียด ระบบ IoT จะถูกใช้ในการตรวจสอบและจัดการการใช้พลังงานในโรงแรม เช่น การควบคุมการเปิดปิดแสงไฟและเครื่องปรับอากาศโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง หรือการตรวจสอบการใช้พลังงานในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่าง โรงแรม InterContinental ได้ใช้ระบบ IoT ในการตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 20% ผ่านการจัดการอัจฉริยะ
- รายละเอียด ระบบความปลอดภัยในโรงแรมจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น กล้องวงจรปิดที่มี AI สำหรับการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ และระบบการจดจำใบหน้าที่สามารถตรวจจับผู้เข้าพักที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Hyatt ใช้ระบบกล้องวงจรปิดที่มีความสามารถในการจดจำใบหน้าและการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
- รายละเอียด บล็อกเชนจะถูกนำมาใช้ในการจองห้องพักและการชำระเงินเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย การใช้บล็อกเชนช่วยให้การทำธุรกรรมมีความน่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบได้ง่าย
- ตัวอย่าง Slock.it บริษัทสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชน ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนเพื่อการจองห้องพักและการเช็คอินแบบไร้สัมผัส ลดความเสี่ยงจากการโกงหรือการละเมิดข้อมูล
- รายละเอียด ผู้เข้าพักสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่ม บริการทำความสะอาด หรือการจองสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ผ่านมือถือ การใช้แอปพลิเคชันทำให้การสั่งบริการรวดเร็วและสะดวกขึ้น
- ตัวอย่าง แอปพลิเคชัน Bonvoy ของ Marriott ช่วยให้ผู้เข้าพักสามารถสั่งอาหาร เช็คเอาท์ และจองบริการเสริมต่าง ๆ ได้จากสมาร์ทโฟนของตนเอง
- รายละเอียด โรงแรมจะใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมและความชื่นชอบของผู้เข้าพัก จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงบริการ เช่น เสนอโปรโมชั่นพิเศษหรือบริการที่ตรงตามความต้องการ
- ตัวอย่าง โรงแรมในเครือ Accor ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามพฤติกรรมของลูกค้าในทุกๆ การเข้าพัก และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับปรุงประสบการณ์ที่ดีขึ้นในครั้งถัดไป
Electronic Direct Mail สำคัญอย่างไรกับ Marketing
การทำการตลาดในยุคปัจจุบันต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างการรับรู้แบรนด์ การตลาดดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย การโฆษณาออนไลน์ และการทำ SEO
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมคือการส่งอีเมลโดยตรง (EDM) ซึ่งช่วยให้สามารถส่งข้อมูลโปรโมชั่นและข่าวสารสำคัญไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ แถมยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ
EDM (Electronic Direct Mail) คือ การส่งอีเมลตรงถึงลูกค้าเป้าหมายโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อการตลาด การโฆษณา หรือการสื่อสารทางธุรกิจ โดยอีเมลเหล่านี้มักจะมีเนื้อหาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายและสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความสนใจของแต่ละบุคคลได้
ความสำคัญของ EDM ในการทำการตลาด
1. การติดต่อสื่อสารที่ตรงกลุ่ม
- EDM ช่วยให้สามารถส่งข้อความไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบรับและการแปลงลูกค้าเป็นลูกค้าใหม่
2. การปรับแต่งและการติดตาม
- สามารถปรับแต่งเนื้อหาและรูปแบบของอีเมลเพื่อให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า และติดตามผลลัพธ์จากการส่งอีเมล เช่น อัตราการเปิดอ่านและการคลิก
3. ต้นทุนต่ำ
- เปรียบเทียบกับการโฆษณาในรูปแบบอื่น ๆ เช่น โฆษณาทีวีหรือวิทยุ EDM มีต้นทุนที่ต่ำและสามารถควบคุมงบประมาณได้ดี
บริษัทที่ให้บริการ EDM
- Mailchimp
แพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือสำหรับการสร้างและส่งอีเมลที่มีฟังก์ชันครบครัน และมีเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อช่วยในการติดตามผล - Sendinblue
ให้บริการ EDM พร้อมฟีเจอร์สำหรับการทำตลาดผ่าน SMS และการจัดการลูกค้า (CRM) - Constant Contact
แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย และมีเครื่องมือในการออกแบบอีเมล และการจัดการรายชื่อผู้รับ - Campaign Monitor
เน้นการออกแบบอีเมลที่มีความสวยงามและเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ - GetResponse
มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับการทำตลาดอีเมล การสร้างหน้า Landing Page และการทำการตลาดอัตโนมัติ
การเลือกบริษัทที่ให้บริการ EDM ควรพิจารณาความต้องการเฉพาะของธุรกิจ เช่น งบประมาณ ฟีเจอร์ที่ต้องการ และความสะดวกในการใช้งาน
การส่ง EDM (Electronic Direct Mail) อย่างมีประสิทธิภาพต้องมีการวางแผนและการดำเนินการที่ดีเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ นี่คือคำแนะนำในการส่ง EDM
ทิปการส่ง EDM (Electronic Direct Mail)
1. กำหนดวัตถุประสงค์
- กำหนดเป้าหมาย ก่อนส่งอีเมล ควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างความรู้จักแบรนด์ หรือการกระตุ้นการสมัครสมาชิก
- กำหนด KPIs ตั้งตัวชี้วัดความสำเร็จ เช่น อัตราการเปิดอ่าน อัตราการคลิก และอัตราการแปลง
2. สร้างรายชื่อผู้รับที่มีคุณภาพ
- เลือกกลุ่มเป้าหมาย คัดเลือกผู้รับที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ โดยการใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า หรือข้อมูลจาก CRM
- รักษาคุณภาพของรายชื่อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายชื่อผู้รับเป็นปัจจุบันและไม่มีอีเมลที่ไม่ถูกต้อง
3. ออกแบบเนื้อหาให้ดึงดูด
- หัวข้อที่น่าสนใจ ใช้หัวข้อที่กระชับและดึงดูดความสนใจ เพื่อเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน
- เนื้อหาที่มีคุณค่า ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับ
- การออกแบบที่สวยงาม ใช้การออกแบบที่เป็นมืออาชีพ รวมถึงรูปภาพและการจัดวางที่ชัดเจน
4. ใช้การส่งอีเมลที่มีการปรับแต่ง
- การปรับแต่งเนื้อหา ใช้ข้อมูลของผู้รับในการปรับแต่งเนื้อหา เช่น การใช้ชื่อของผู้รับในข้อความ
- การแบ่งกลุ่ม ส่งเนื้อหาที่แตกต่างกันไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันตามความสนใจ
5. ทดสอบและปรับปรุง
- การทดสอบ A/B ทดสอบรูปแบบและเนื้อหาต่าง ๆ เพื่อดูว่าอะไรทำงานได้ดีที่สุด
- การวิเคราะห์ผลลัพธ์ ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการส่ง EDM เช่น อัตราการเปิดอ่าน การคลิก และการแปลง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงแคมเปญในอนาคต
6. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ
- การปฏิบัติตามกฎหมาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการส่ง EDM ของคุณเป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับการตลาดทางอีเมล เช่น การให้ตัวเลือกในการยกเลิกการรับอีเมล (Unsubscribe) และการปฏิบัติตาม GDPR หรือ CAN-SPAM Act
บทสรุป EDM เป็นวิธีหนึ่งในการทำการตลาด (Digital Marketing) ที่ประหยัดและคุ้มค่ามาก การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การส่ง EDM ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
#Digital #DigitalMarketing #Marketing
Hotel Booking Engine คืออะไร
- การตรวจสอบความพร้อมของห้องพัก
- การเลือกประเภทห้อง
- การกำหนดวันเข้าพักและวันออก
- การชำระเงิน
- ระบบการส่งอีเมลเพื่อยืนยันการจอง
- ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway)
- รายงาน
วิธีเลือกใช้บริการ Hotel Booking Engine
GDPR คืออะไร
General Data Protection Regulation (GDPR) เป็นข้อกำหนดด้านการปกป้องข้อมูลของสหภาพยุโรปที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2018 เป้าหมายหลักของ GDPR คือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในสหภาพยุโรปและให้อำนาจการควบคุมแก่เจ้าของข้อมูล
เทคโนโลยีการบริหารจัดการที่จอดรถ
รีวิวและความคิดเห็นลูกค้า ตัวช่วยธุรกิจโรงแรม
เทคนิคใช้ SEO ทำการตลาดออนไลน์
สำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ การใช้เครื่องมือ SEO (Search Engine Optimization) สำหรับการตลาดออนไลน์เป็นวิธีที่สำคัญในการเพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google
Google Analytics 4 คืออะไร
Google Analytics 4 (GA4) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัยจาก Google ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักการตลาดในยุคดิจิทัล GA4 นำเสนอการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในแพลตฟอร์มเดียวกัน
ทำความรู้จัก Access Point (AP)
แบบทดสอบระบบโรงแรม
ความสำคัญของ Channel Manager ที่มีต่อโรงแรม
กฏหมาย PDPA เรื่องที่ทุกคนต้องรู้
เจาะลึก Internet Gateway สำหรับโรงแรม
เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในธุรกิจโรงแรม
ระบบ Back Office โรงแรม
ระบบบัญชีของธุรกิจโรงแรมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยจัดการการเงินและรายงานทางการเงินให้มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง ซึ่งรวมถึงการจัดการรายรับ รายจ่าย การชำระเงิน และการจัดการบัญชีต่าง ๆ ของโรงแรม ระบบบัญชีในธุรกิจโรงแรมมักจะมีความสัมพันธ์กับระบบอื่น ๆ