The Most/Recent Articles

แสดงโพสต์โดยจัดเรียงตามความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา Apple จัดเรียงตามวันที่ แสดงโพสต์ทั้งหมด
แสดงโพสต์โดยจัดเรียงตามความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา Apple จัดเรียงตามวันที่ แสดงโพสต์ทั้งหมด

Apple TV กับ Chromecast with Google TV ใครดีกว่ากัน

ตัวช่วยในการสตรีมมิ่งของสมาร์ทโฟน

Streaming

Apple TV และ Chromecast with Google TV เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสตรีมคอนเทนต์จากอินเทอร์เน็ตไปยังโทรทัศน์ ทั้งสอง ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งราคา

โลกของ Apple

Apple inc Shop

Apple Inc. เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาและผลิตทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่มีคุณภาพสูง บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1976 และได้สร้างชื่อเสียงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม 

ตัวอย่างเช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, และ Apple TV ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ระบบปฏิบัติการที่มีการออกแบบเฉพาะ เช่น iOS, macOS, watchOS, และ tvOS ซอฟต์แวร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่รองรับการทำงานและความบันเทิง แต่ยังเน้นที่ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่หลากหลาย ฮาร์ดแวร์ของ Apple อีกด้วย


พัฒนาการของระบบปฏิบัติการ (OS)  

1. iOS

  • เริ่มต้น เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 พร้อมกับ iPhone รุ่นแรก
  • การพัฒนา iOS ได้รับการอัปเดตเป็นประจำทุกปี โดยมีการปรับปรุงทั้งด้านฟีเจอร์และความปลอดภัย ฟีเจอร์เด่นรวมถึงการรองรับการสัมผัสหลายจุด, การควบคุมด้วยคำสั่งเสียง (Siri), และการจัดการแอปพลิเคชันที่ดีขึ้น
  • เวอร์ชันล่าสุด iOS 17 (ข้อมูล ณ ปี 2024) มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การปรับปรุงหน้าจอล็อก, การจัดการข้อความที่ดีขึ้น และการสนับสนุนสำหรับอุปกรณ์เสริมใหม่

2. iPadOS

  • เริ่มต้น แยกออกจาก iOS ในปี 2019 เพื่อรองรับการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ของ iPad
  • การพัฒนา iPadOS ได้รับฟีเจอร์เฉพาะที่เหมาะกับขนาดหน้าจอใหญ่ของ iPad รวมถึงการสนับสนุนการใช้หลายหน้าต่าง (Multitasking), การรองรับ Apple Pencil และการใช้งานที่หลากหลายของ Split View
  • เวอร์ชันล่าสุด iPadOS 17 (ข้อมูล ณ ปี 2024) มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น การปรับปรุงการใช้งานหลายหน้าต่างและการสนับสนุนสำหรับการใช้หน้าจอภายนอก

3. tvOS

  • เริ่มต้น เปิดตัวในปี 2015 สำหรับ Apple TV
  • การพัฒนา tvOS เน้นการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการสตรีมสื่อ เช่น การดูวิดีโอ, การเล่นเกม, และการควบคุมด้วย Siri ฟีเจอร์ใหม่ ๆ รวมถึงการรองรับแอปพลิเคชันของผู้พัฒนาภายนอกและการเพิ่มความสามารถในการควบคุมด้วยเสียง
  • เวอร์ชันล่าสุด tvOS 17 (ข้อมูล ณ ปี 2024) มีการปรับปรุงการค้นหาและการควบคุมด้วยเสียง, รวมถึงการปรับปรุงการสตรีม

4. watchOS

  • เริ่มต้น เปิดตัวในปี 2015 สำหรับ Apple Watch
  • การพัฒนา watchOS เน้นที่การติดตามสุขภาพและความฟิต ฟีเจอร์เด่นรวมถึงการติดตามการออกกำลังกาย, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, และการใช้งานการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ
  • เวอร์ชันล่าสุด watchOS 10 (ข้อมูล ณ ปี 2024) มีการปรับปรุงการติดตามสุขภาพและการใช้งานแอปพลิเคชันที่เหมาะกับการใช้งานบนข้อมือ

5. macOS

  • เริ่มต้น เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ในชื่อ "Mac OS X"
  • การพัฒนา macOS ได้รับการปรับปรุงหลายครั้งโดยมีการเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง เช่น OS X และ macOS ในเวอร์ชันล่าสุด ระบบนี้เน้นที่การให้ประสบการณ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงและการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ฟีเจอร์เด่นรวมถึงการสนับสนุนการทำงานหลายหน้าต่าง, การใช้แอปพลิเคชันที่หลากหลาย, และการควบคุมที่แม่นยำ
  • เวอร์ชันล่าสุด macOS 15 (ข้อมูล ณ ปี 2024) มีการปรับปรุงด้านการทำงานร่วมกับ iPad และ iPhone, การสนับสนุนการใช้งานหลายหน้าต่าง, และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ


นอกจากการพัฒนาระบบปฏิบัติการข้างต้นแล้ว Apple ยังมีการพัฒนาในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่มีคุณภาพสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัยขึ้นมา เพื่อใช้งานกับระบบปฏิบัติการของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากค่ายอื่นๆ

ผลิตภัณฑ์จากค่าย Apple

  • iPhone (สมาร์ทโฟน)
    สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับกล้องคุณภาพสูง, หน้าจอ Retina, และชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูง เช่น A-series chip

  • iPad (แท็บเล็ต)
    แท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอหลากหลายและรองรับการใช้งานด้วย Apple Pencil และคีย์บอร์ดที่มีการออกแบบเฉพาะ

  • Mac (คอมพิวเตอร์)
    คอมพิวเตอร์ที่มีทั้งรุ่นพกพา (MacBook) และรุ่นตั้งโต๊ะ (iMac, Mac Mini) ซึ่งใช้ชิป M-series ใหม่ที่พัฒนาโดย Apple

  • Apple Watch (นาฬิกา)
    สมาร์ตวอทช์ที่เน้นการติดตามสุขภาพ, การออกกำลังกาย, และการเชื่อมต่อกับ iPhone

  • Apple TV (กล่องสตรีมมิ่ง)
    กล่องสตรีมมิ่งที่รองรับการดูวิดีโอในความละเอียดสูงและการใช้งานแอปพลิเคชัน

  • AirPods (หูฟังไร้สาย)
    หูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงดี, การเชื่อมต่อที่สะดวก, และฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) สำหรับ AirPods Pro และ AirPods Max

  • Vision Pro (แว่นตาเสมือนจริง)
    แว่นตาเสมือนจริง (AR/VR) ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงผลที่ล้ำสมัยและการควบคุมที่แม่นยำ ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมีประสบการณ์เสมือนจริงที่สมจริงและการผสมผสานระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือน


บทสรุป Apple Inc. เป็นบริษัทที่พัฒนาทั้งระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ควบคู่กันไป ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานและเชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดี เป็นนวัตกรรมที่แบบเบ็ดเสร็จ ไม่ต้องพึ่งพาจากภายนอก

9 วิธีตรวจสอบ iPhone แท้หรือปลอม

Check iMEI
ตรวจสอบสักนิด เพื่อกันถูกหลอก!!  

การซื้อ iPhone มือสองเป็นทางเลือกที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ แต่ก็มีความเสี่ยงในการได้รับสินค้าปลอม หรือเครื่องที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า iPhone ที่ซื้อมานั้น แท้หรือปลอม?

ดังนั้นการตรวจสอบว่า iPhone มือสองเป็นของแท้หรือไม่จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องมือสองใดๆ ผู้ซื้อควรตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบหมายเลขซีเรียล (Serial Number) หรือ IMEI 

นอกจากนี้ การทดสอบฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Face ID หรือ Touch ID รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพของวัสดุและการประกอบเครื่อง การทำความเข้าใจวิธีการตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อ iPhone มือสองที่เป็นของแท้ได้อย่างมั่นใจ และป้องกันการโดนหลอกลวงจากผู้ขายที่ไม่ซื่อสัตย์


ขั้นตอนการตรวจสอบ iPhone แท้หรือไม่

1. ตรวจสอบหมายเลขซีเรียล (Serial Number) และ IMEI

หมายเลขซีเรียล (Serial Number) และ IMEI เป็นข้อมูลที่สามารถใช้ตรวจสอบสถานะและรายละเอียดของเครื่องได้จาก Apple
  • ไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ เพื่อดูหมายเลขซีเรียลและ IMEI ของเครื่อง
  • คัดลอกหมายเลขซีเรียลหรือ IMEI และไปที่เว็บไซต์ Apple Check Coverage 
  • กรอกหมายเลขซีเรียลหรือ IMEI ในช่องที่กำหนดเพื่อดูข้อมูลการรับประกันและสถานะของเครื่องนั้นๆ ซึ่งจะบอกคุณได้ว่าเครื่องนี้เป็นของแท้หรือไม่
ถ้าเว็บไซต์แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการรับประกันและบริการซ่อมจาก Apple แสดงว่าเครื่องนั้นเป็นของแท้

2. ตรวจสอบสัญลักษณ์ Apple และโลโก้
  • โลโก้ Apple บน iPhone ของแท้จะมีคุณภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดที่สมบูรณ์
  • ถ้าโลโก้เบลอหรือมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขอบไม่ชัดเจนหรือมีลวดลายผิดไปจากปกติ อาจเป็นสัญญาณของเครื่องปลอม
  • บางรุ่นของ iPhone เช่น iPhone 8 หรือรุ่นที่เก่ากว่า อาจมีการพิมพ์โลโก้ Apple แบบต่างกันเล็กน้อย

 3. ตรวจสอบคุณภาพของวัสดุและการประกอบ
  • วัสดุ: iPhone ของแท้จะใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น แก้วหน้าจอที่แข็งแรง และวัสดุโลหะที่แข็งแรง ไม่มีรอยต่อหรือการเย็บที่ไม่เรียบร้อย
  • การประกอบ: ตรวจสอบว่าเครื่องประกอบได้ดีหรือไม่ ไม่มีรอยต่อที่ไม่สมบูรณ์หรือฟิตไม่ดี
  • น้ำหนัก: iPhone ของแท้จะมีน้ำหนักที่เหมาะสมกับรุ่น ไม่เบาหรือหนักเกินไปเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน

 4. ตรวจสอบหน้าจอและระบบสัมผัส (Touchscreen)
  • หน้าจอของ iPhone แท้จะมีความละเอียดสูงและมีสีที่สมจริง
  • ตรวจสอบการตอบสนองของ หน้าจอสัมผัส (Touchscreen) ด้วยการแตะจุดต่างๆ บนหน้าจอ ว่ามีการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ
  • ถ้ามีการตอบสนองที่ช้าหรือไม่แม่นยำ อาจเป็นเครื่องที่ไม่ใช่ของแท้

 5. ทดสอบฟีเจอร์ Face ID / Touch ID
 
ถ้าเครื่องเป็นรุ่นที่รองรับ Face ID หรือ Touch ID ให้ลองทดสอบฟีเจอร์เหล่านี้เพื่อดูว่าใช้งานได้หรือไม่
  • ถ้า iPhone มี Face ID ลองตั้งค่าการจดจำใบหน้าและทดสอบการปลดล็อคหน้าจอ
  • ถ้ามี Touch ID ลองตั้งค่าลายนิ้วมือและทดสอบการปลดล็อค
การทำงานที่ปกติของฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยยืนยันว่าเครื่องมีการทำงานตามมาตรฐานของ Apple

6. ตรวจสอบซอฟต์แวร์และการตั้งค่า
  • เข้าไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > อัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องนั้นสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้หรือไม่
  • iPhone ของแท้ควรสามารถอัปเดต iOS ได้ตามปกติ หากเครื่องไม่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้หรือใช้เวอร์ชันที่เก่ากว่ามาก อาจหมายความว่าเป็นเครื่องปลอมหรือเครื่องที่ถูกดัดแปลง

7. ตรวจสอบข้อมูลผ่าน Apple Support
  • หากคุณยังไม่มั่นใจ สามารถติดต่อ Apple Support โดยตรงเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องที่คุณสนใจ
  • คุณสามารถใช้หมายเลขซีเรียลหรือ IMEI เพื่อตรวจสอบประวัติและสถานะของเครื่องจาก Apple
  • Apple Support จะสามารถบอกคุณได้ว่าเครื่องนี้เคยได้รับการซ่อมแซมหรือมีปัญหาหรือไม่

 8. เช็คการรับประกันจาก Apple
  • ใช้เว็บไซต์ Apple Check Coverage ที่ได้กล่าวถึงในข้อ 1 เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับการรับประกันของเครื่อง
  • เครื่อง iPhone ของแท้จะมีข้อมูลการรับประกันที่ถูกต้องตามที่ระบุไว้จาก Apple และยังสามารถใช้บริการซ่อมแซมที่ Apple Store หรือศูนย์บริการ Apple ได้

9. ตรวจสอบราคาและที่มาของเครื่อง
  • ราคาของ iPhone มือสองที่ขายในตลาดต้องสมเหตุสมผล หากเครื่องมีราคาถูกผิดปกติ อาจเป็นเครื่องปลอมหรือเครื่องที่มีปัญหา
  • ควรซื้อจากร้านค้าที่มีชื่อเสียงหรือจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสินค้าของแท้

บทสรุป การตรวจสอบ iPhone มือสองตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเครื่องที่คุณสนใจเป็นของแท้และปลอดภัยในการใช้งาน

#Apple #iOS #iPhone

สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)

Steven Paul Jobs

สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกเทคโนโลยีและนวัตกรรม เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 และเติบโตขึ้นมาในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ด้วยความหลงใหลในเทคโนโลยีและการออกแบบ 

เปลี่ยนบ้านธรรมดาเป็น Smart Home

mini robot in the living room

Google Home, Amazon Alexa, และ Apple HomeKit เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการควบคุมและจัดการอุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านของคุณผ่านคำสั่งเสียงหรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าแต่ละแพลตฟอร์มคืออะไรและมีความสามารถอะไรบ้าง

3 แพลตฟอร์มทำบ้านเป็น Smart Home

Google Home

  • Google Home คือแพลตฟอร์มของ Google ที่ช่วยให้คุณควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ผ่านคำสั่งเสียงด้วย Google Assistant ซึ่งเป็นระบบผู้ช่วยอัจฉริยะของ Google
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: ลำโพงอัจฉริยะ Google Nest, สมาร์ทโฟน Android, และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ Google Assistant
  • ความสามารถ: ควบคุมไฟฟ้า, ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบทำความเย็น/ทำความร้อน, ระบบเสียงและความบันเทิง, ตอบคำถาม, ตั้งเวลา, และควบคุมแอปพลิเคชันต่างๆ
ข้อดี
  • การทำงานร่วมกับ Google Services: รองรับการใช้งานร่วมกับ Google Calendar, Google Maps และบริการอื่นๆ ของ Google ได้อย่างราบรื่น
  • ความสามารถในการค้นหา: Google Assistant มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลและตอบคำถามได้แม่นยำ
  • การรองรับอุปกรณ์: มีอุปกรณ์หลากหลายที่รองรับ Google Assistant เช่น ลำโพงอัจฉริยะ, สมาร์ทโฟน, และอุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ
ข้อเสีย
  • ความเป็นส่วนตัว: มีความกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานข้อมูลโดย Google
  • การพึ่งพา Google Services: หากคุณไม่ใช้งานบริการของ Google เป็นประจำ อาจจะไม่สะดวกในการใช้งานแพลตฟอร์มนี้
ค่าใช้จ่าย
  • ลำโพง Google Nest: ประมาณ 2,000-6,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น
  • อุปกรณ์เสริม: ราคาแตกต่างกันไปตามประเภทและยี่ห้อ

Amazon Alexa

  • Amazon Alexa คือแพลตฟอร์มของ Amazon ที่ช่วยให้คุณควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ผ่านคำสั่งเสียงด้วย Alexa ซึ่งเป็นระบบผู้ช่วยอัจฉริยะของ Amazon
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: ลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo, สมาร์ทโฟน, และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ Alexa
  • ความสามารถ: ควบคุมไฟฟ้า, ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบทำความเย็น/ทำความร้อน, ระบบเสียงและความบันเทิง, ตอบคำถาม, ตั้งเวลา, สั่งซื้อของออนไลน์ และควบคุมแอปพลิเคชันต่างๆ
ข้อดี
  • การทำงานร่วมกับ Amazon Services: สามารถสั่งซื้อสินค้าจาก Amazon ได้โดยตรง
  • ความยืดหยุ่น: รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Smart Home หลากหลายยี่ห้อ
  • Alexa Skills: มีแอปและบริการที่เรียกว่า "Skills" ที่สามารถเพิ่มความสามารถให้ Alexa
ข้อเสีย
  • ความเป็นส่วนตัว: มีความกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานข้อมูลโดย Amazon
  • การพึ่งพา Amazon Services: หากคุณไม่ใช้งานบริการของ Amazon เป็นประจำ อาจจะไม่สะดวกในการใช้งานแพลตฟอร์มนี้
ค่าใช้จ่าย
  • ลำโพง Amazon Echo: ประมาณ 2,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น
  • อุปกรณ์เสริม: ราคาแตกต่างกันไปตามประเภทและยี่ห้อ

Apple HomeKit

  • Apple HomeKit คือแพลตฟอร์มของ Apple ที่ช่วยให้คุณควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ผ่านแอปพลิเคชัน Home บน iPhone, iPad, Apple Watch หรือ Mac และคำสั่งเสียงด้วย Siri
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: อุปกรณ์ iOS และ macOS, ลำโพงอัจฉริยะ HomePod, และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ HomeKit
  • ความสามารถ: ควบคุมไฟฟ้า, ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบทำความเย็น/ทำความร้อน, ระบบเสียงและความบันเทิง, ตอบคำถาม, ตั้งเวลา, และควบคุมแอปพลิเคชันต่างๆ
ข้อดี
  • การรวมเข้ากับอุปกรณ์ Apple: ทำงานร่วมกับ iPhone, iPad, Apple Watch และ Mac ได้อย่างราบรื่น
  • ความเป็นส่วนตัว: Apple มีความเข้มงวดในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
  • Siri: สามารถควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ผ่าน Siri ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของ Apple
ข้อเสีย
  • การรองรับอุปกรณ์: อุปกรณ์ Smart Home ที่รองรับ HomeKit มีจำกัดเมื่อเทียบกับ Google Home และ Amazon Alexa
  • ค่าใช้จ่ายสูง: อุปกรณ์ของ Apple มักมีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
ค่าใช้จ่าย
  • ลำโพง HomePod: ประมาณ 7,000-10,000 บาท
  • อุปกรณ์เสริม: ราคาแตกต่างกันไปตามประเภทและยี่ห้อ

แนวทางการเลือกใช้งาน

  • ความสะดวก
    หากคุณมีอุปกรณ์ของ Google, Amazon, หรือ Apple อยู่แล้ว การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่คุณมีจะทำให้การตั้งค่าและการใช้งานง่ายขึ้น

  • ความเข้ากันได้
    ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Smart Home ที่คุณต้องการใช้งานรองรับแพลตฟอร์มไหนบ้าง

  • ความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะ
    Google Assistant, Alexa และ Siri มีความสามารถที่แตกต่างกันบ้าง เช่น การตอบคำถามหรือการสั่งงานต่างๆ


สรุปแนวทางการเลือกซื้อ

  • Google Home
    เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้บริการของ Google เป็นประจำ ค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับปานกลาง

  • Amazon Alexa
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกใช้อุปกรณ์ Smart Home หลากหลายยี่ห้อ ค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับปานกลาง

  • Apple HomeKit
    เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ของ Apple และต้องการความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณ เพื่อทำให้บ้านของคุณเป็น Smart Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเป็นปัจจัยหลักนั่นเอง

iCloud คืออะไร

Cloud Data Center

iCloud เป็นบริการคลาวด์สตอเรจที่พัฒนาโดย Apple ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลของพวกเขาได้จากอุปกรณ์ Apple ที่หลากหลาย โดยการซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เช่น iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch ผ่านอินเทอร์เน็ต 

ของไม่มีวันหายด้วย AirTag

Airtag
AirTag เป็นอุปกรณ์ติดตามขนาดเล็กจาก Apple ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งของที่สูญหายหรือหลงลืมได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเชื่อมต่อกับแอพ Find My บนอุปกรณ์ Apple คุณสามารถตรวจสอบตำแหน่งของ AirTag ในเวลาจริงและรับการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ใกล้ AirTag 

เปรียบเทียบ Apple CarPlay กับ Android Auto

Apply Carplay

Apple CarPlay และ Android Auto เป็นสองเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Apple และ Google ตามลำดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายในขณะขับรถ แพลตฟอร์มทั้งสองนี้มีจุดประสงค์หลักในการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยการทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ ผ่านหน้าจอของระบบความบันเทิงในรถยนต์ได้โดยตรง

ทำความรู้จัก macOS ใน 5 นาที

macOS

macOS อ่านว่า "แมคโอเอส" คือระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Apple Inc. สำหรับคอมพิวเตอร์ Mac ซึ่งมีการออกแบบที่สวยงามและใช้งานง่าย โดยมุ่งเน้นให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย 

ลำโพงอัจฉริยะคืออะไร

Nest Hub (2nd gen)

ลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speaker) เป็นอุปกรณ์ที่รวมเทคโนโลยีลำโพงเข้ากับระบบผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant) เช่น Amazon Alexa, Google Assistant หรือ Apple Siri ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ด้วยเสียงได้ 

ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟน

ทำความรู้จักระบบปฏิบัติการบนมือถือ

Smartphone OS
ระบบปฏิบัติการบนมือถือ หรือ สมาร์ทโฟน คือซอฟต์แวร์ที่ควบคุมและให้บริการแก่อุปกรณ์มือถือ เช่น Android โดย Google และ iOS โดย Apple เป็นต้น พวกเขามีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น Android เป็นระบบโอเพนซอร์สที่สามารถปรับแต่งได้มาก ในขณะที่ iOS เป็นระบบปิดที่มีความปลอดภัยสูงและออกแบบให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์

ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟน (Smartpone Operating System) หรือ ระบบปฏิบัติการบนมือถือ มีทั้งที่ยังคงได้รับความนิยมและเลิกการพัฒนาไปแล้ว แต่จะมีอะไรบ้าง เรามาลองศึกษาดูรายละเอียดได้จากข้อมูลด้านล่างนี้

ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยม

1. ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android OS)
  • พัฒนาโดย: Google
  • เปิดตัวครั้งแรก: 2008
  • ลักษณะเด่น:
    • เป็นระบบปฏิบัติการแบบโอเพนซอร์ส สามารถปรับแต่งได้ง่าย
    • มีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้งานมากมายใน Google Play Store
    • รองรับอุปกรณ์หลายประเภทและหลายยี่ห้อ ทำให้มีความหลากหลายของสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้
    • มีการอัปเดตระบบปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

2. ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)
  • พัฒนาโดย: Apple Inc.
  • เปิดตัวครั้งแรก: 2007
  • ลักษณะเด่น:
    • เป็นระบบปิดที่มีการควบคุมการเข้าถึงแอปพลิเคชันและการปรับแต่งอย่างเข้มงวด
    • มีความเสถียรและความปลอดภัยสูง
    • ระบบนิเวศของ Apple ที่ครบวงจร สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple เช่น MacBook, iPad, Apple Watch
    • มี App Store ที่มีการควบคุมคุณภาพแอปพลิเคชันอย่างเข้มงวด

3. ระบบปฏิบัติการฮาร์โมนี (HarmonyOS)
  • พัฒนาโดย: Huawei
  • เปิดตัวครั้งแรก: 2019
  • ลักษณะเด่น:
    • ระบบปฏิบัติการแบบโอเพนซอร์ส เน้นการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบนิเวศของ Huawei
    • ออกแบบมาให้รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, สมาร์ทวอทช์, ทีวี
    • มี AppGallery เป็นแหล่งดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย Huawei

ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนที่ยกเลิกการพัฒนาแล้ว

1. Windows 10 Mobile (ยกเลิกการพัฒนาแล้ว)
  • พัฒนาโดย: Microsoft
  • เปิดตัวครั้งแรก: 2010 (ในชื่อ Windows Phone)
  • ลักษณะเด่น:
    • มีการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศของ Windows PC และบริการของ Microsoft อย่างสมบูรณ์
    • มีการออกแบบอินเทอร์เฟซที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า Metro UI
    • มีการควบคุมคุณภาพของแอปพลิเคชันใน Windows Store

2. BlackBerry OS (ยกเลิกการพัฒนาแล้ว)
  • พัฒนาโดย: BlackBerry Limited (เดิมชื่อ Research In Motion)
  • เปิดตัวครั้งแรก: 1999
  • ลักษณะเด่น:
    • เน้นการรักษาความปลอดภัยและการสื่อสารสำหรับผู้ใช้งานองค์กร
    • มีคีย์บอร์ดแบบกายภาพที่เป็นเอกลักษณ์
    • ใช้ BlackBerry Messenger (BBM) เป็นระบบแชทที่ได้รับความนิยมในยุคหนึ่ง

3. Symbian (ยกเลิกการพัฒนาแล้ว)
  • พัฒนาโดย: Symbian Ltd. และ Nokia
  • เปิดตัวครั้งแรก: 1997
  • ลักษณะเด่น:
    • เป็นระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนยุคแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมสูง
    • รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานหลายประเภท
    • มีความสามารถในการปรับแต่งอินเทอร์เฟซได้

ต่อไปนี้ คือ 5 สาเหตุหลักที่บางระบบปฏิบัติการไม่ได้ไปต่อ

1. การแข่งขันในตลาด
ตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันรุนแรงมาก ระบบปฏิบัติการที่ไม่มีคุณสมบัติหรือแอปพลิเคชันที่มากพออาจทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานหรือผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน

2. ข้อจำกัดทางเทคนิค
บางระบบปฏิบัติการอาจไม่มีความสามารถในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์ใหม่ที่เป็นที่นิยม

3. นโยบายและการบริหารจัดการ
การนโยบายทางธุรกิจและการบริหารจัดการของบริษัทผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการอาจมีผลต่อความสามารถในการพัฒนาและสนับสนุนระบบปฏิบัติการต่อไป

4. การเปลี่ยนแปลงในตลาด
ตลาดเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางระบบปฏิบัติการอาจไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทัน

5. ปัญหาด้านการเงิน
การพัฒนาระบบปฏิบัติการต้องใช้งบประมาณมาก บางครั้งอาจมีปัญหาด้านการเงินหรือการลงทุนที่ทำให้ไม่สามารถทำต่อไปได้


ปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Android และ iOS เนื่องจากมีการพัฒนาต่อเนื่องและมีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย

เปรียบเทียบ MacOS กับ Windows OS

MacOS vs Windows OS

การเลือกใช้คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น Mac หรือ Windows เป็นสิ่งที่สำคัญและต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน Mac Computer ของ Apple มีดีไซน์ที่หรูหราและฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ macOS ที่เสถียรและปลอดภัย ในขณะที่ Windows Computer มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งและอัปเกรดได้ง่าย ราคาหลากหลายตั้งแต่ระดับประหยัดจนถึงสูงสุด 
CPU

ซีพียูสำหรับสมาร์ทโฟน

Mobile CPU
CPU (Central Processing Unit) หรือหน่วยประมวลผล เปรียบเทียบกับสมองของมนุษย์ สำหรับอุปกรณ์พกพาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีหลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์มีรุ่นต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับเรือธง  

รู้ไหม TV ก็มีระบบปฏิบัติการ

TV Operating System

ระบบปฏิบัติการบน Smart TV คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้โทรทัศน์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้หลากหลาย ระบบปฏิบัติการเหล่านี้มักมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การรับชมสื่อที่มีคุณภาพสูงและการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น 

มือใหม่ หัดใช้ iPad

iPad

iPad เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมา เพื่อรองรับความหลากหลายของการใช้งาน ทั้งการทำงาน การเรียนรู้ และการบันเทิง ด้วยความสะดวกในการพกพา และฟีเจอร์ที่ทันสมัย ทำให้ iPad กลายเป็นเครื่องมือที่ไม่สามารถขาดได้ ในชีวิตประจำวันของหลายๆ คน 
CPU

รู้ไหม โลกนี้ไม่ได้มีซีพียูแค่ Intel กับ AMD

ทำความรู้จัก CPU โน๊ตบุ๊ค

CPU Notebook
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) เป็นหัวใจสำคัญของโน้ตบุ๊คที่กำหนดประสิทธิภาพในการทำงาน โดยมีหลายแบรนด์ที่แข่งขันกันในตลาดเพื่อเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้ แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมได้แก่ Intel, AMD, Apple, Qualcomm และ MediaTek 

เปรียบเทียบ Cloud Storage

Cloud Storage คืออะไร

Cloud Storage
บริการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลที่เข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บ เข้าถึง และจัดการไฟล์จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต บริการนี้มีความยืดหยุ่นสูง โดยผู้ใช้สามารถเพิ่มหรือลดพื้นที่จัดเก็บได้ตามต้องการ 

macOS ก็มีโปรแกรม Office

mac computer
iWork เป็นชุดโปรแกรมประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาโดย Apple สำหรับการจัดการเอกสาร, สเปรดชีต, และงานนำเสนอ ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสารที่ดูสวยงามและมีประสิทธิภาพ 

ย้ายข้อมูล Android ไป iPhone ทำได้ไหม

Android to iOS

ถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนการใช้งานสมาร์ทโฟน จาก Android มาเป็น iPhone แต่กลัวข้อมูลจะหาย บทความนี้ จะมาแนะนำวิธีการข้ายค่าย ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถย้ายข้อมูลได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ External Harddisk หรือ Flash Drive แต่อย่างใด

การย้ายข้อมูลจาก Android ไปยัง iPhone สามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า "Move to iOS" ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของ Apple ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการย้ายข้อมูลระหว่างระบบปฏิบัติการทั้งสอง วิธีการใช้มีดังนี้


ขั้นตอนในการย้ายข้อมูล Android ไปยัง iPhone

  • ดาวน์โหลดแอป Move to iOS
    เริ่มต้นโดยดาวน์โหลดแอป Move to iOS จาก Google Play Store บนอุปกรณ์ Android ของคุณ

  • ตั้งค่า iPhone ใหม่
    เปิด iPhone ใหม่หรือ iPhone ที่รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น จากนั้นเริ่มกระบวนการตั้งค่าใหม่ เมื่อถึงหน้าจอ "Apps & Data" ให้เลือก "Move Data from Android"

  • เปิดแอป Move to iOS บน Android
    เปิดแอป Move to iOS ที่คุณดาวน์โหลดไว้บนอุปกรณ์ Android จากนั้นกด "Continue" และยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ

  • เชื่อมต่อกับ iPhone
    บน iPhone จะมีรหัสการเชื่อมต่อ 6 หรือ 10 หลัก ปรากฏขึ้น ให้กรอกรหัสนี้ในอุปกรณ์ Android ของคุณเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกัน

  • เลือกข้อมูลที่จะย้าย
    บนอุปกรณ์ Android คุณสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการย้าย เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ปฏิทิน และแอป (ในกรณีที่มีแอปที่สามารถใช้งานบน iOS ได้) จากนั้นกด "Next"

  • รอการโอนย้ายข้อมูล
    กระบวนการนี้อาจใช้เวลาสักครู่ ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่ต้องการย้าย เมื่อเสร็จสิ้น ข้อมูลของคุณจะถูกโอนไปยัง iPhone

  • ตั้งค่าเพิ่มเติมบน iPhone
    หลังจากการโอนย้ายข้อมูลเสร็จสิ้น คุณสามารถตั้งค่าเพิ่มเติม เช่น การล็อกอินเข้าสู่บัญชี Apple ID และการตั้งค่าต่าง ๆ บน iPhone ได้


วิธีการนี้จะช่วยให้คุณย้ายข้อมูลจาก Android ไปยัง iPhone ได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย!

ข้อควรทราบ การย้ายข้อมูลจาก Android ไปยัง iPhone โดยใช้แอป Move to iOS จะมีการย้ายข้อมูลบางประเภทที่สามารถทำได้และบางประเภทที่ไม่สามารถย้ายได้ ข้อมูลที่สามารถย้ายได้และไม่ได้มีดังนี้


ข้อมูลที่สามารถย้ายได้

  • รายชื่อผู้ติดต่อ (Contacts)
    รายชื่อทั้งหมดจากสมุดโทรศัพท์บน Android จะถูกย้ายไปยัง iPhone

  • ประวัติข้อความ (Message History)
    ข้อความ SMS และข้อความ MMS ที่เก็บไว้บน Android จะถูกย้ายไปยัง iPhone

  • รูปภาพและวิดีโอ (Photos and Videos)
    ไฟล์ภาพและวิดีโอที่อยู่ในแอป Gallery ของ Android จะถูกย้ายไปยังแอป Photos บน iPhone

  • ปฏิทิน (Calendar Events)
    เหตุการณ์ในปฏิทินที่บันทึกไว้บน Android จะถูกย้ายไปยัง iPhone

  • บัญชีอีเมล (Mail Accounts)
    บัญชีอีเมลที่ตั้งค่าไว้บน Android จะถูกย้ายไปยัง iPhone หากเป็นบัญชีที่รองรับ เช่น Google

  • บุ๊คมาร์คเว็บ (Web Bookmarks)
    บุ๊คมาร์คจากเบราว์เซอร์ Chrome บน Android จะถูกย้ายไปยัง Safari บน iPhone

  • แอปที่สามารถใช้งานได้บน iOS
    หากมีแอปที่ใช้ได้ทั้งบน Android และ iOS, iPhone จะพยายามค้นหาแอปเหล่านั้นใน App Store และแนะนำให้ดาวน์โหลด


ข้อมูลที่ไม่สามารถย้ายได้

  • แอปที่ไม่รองรับบน iOS
    แอปที่มีเฉพาะบน Android หรือแอปที่ไม่ได้อยู่ใน App Store ของ Apple จะไม่สามารถย้ายไปยัง iPhone ได้

  • ข้อมูลล็อกอินแอปพลิเคชัน
    ข้อมูลการเข้าสู่ระบบของแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น แอปธนาคารหรือแอปโซเชียลมีเดีย จะไม่ถูกย้าย คุณต้องเข้าสู่ระบบใหม่บน iPhone

  • เพลงที่มีลิขสิทธิ์หรือดาวน์โหลดมา
    เพลงที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่ไม่ได้รองรับหรือเพลงที่ซื้อจากแหล่งที่ไม่ใช่ Apple จะไม่ถูกย้าย

  • เอกสารและไฟล์ที่เก็บในแอปเฉพาะ
    ไฟล์ที่เก็บในแอปพลิเคชันเฉพาะที่ไม่ได้เป็นแอปทั่วไปหรือระบบไฟล์ที่เข้ารหัสจะไม่ถูกย้าย

  • การตั้งค่าอุปกรณ์
    การตั้งค่าต่างๆ เช่น การตั้งค่าเสียงเรียกเข้า การตั้งค่าหน้าจอ และการตั้งค่าการแจ้งเตือนจะไม่ถูกย้าย

  • ข้อมูลเกม
    คะแนนหรือความคืบหน้าในเกมบน Android จะไม่ถูกย้ายไปยัง iPhone


ข้อควรระวัง

  • การย้ายข้อมูลควรทำในที่ที่มี Wi-Fi ที่เสถียรและมีพลังงานแบตเตอรี่เพียงพอ
  • ควรสำรองข้อมูลที่สำคัญไว้ก่อนทำการย้าย เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย


บทสรุป การย้ายข้อมูลด้วยวิธีนี้จะช่วยให้การเปลี่ยนจาก Android ไป iPhone ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการที่ควรทราบ แต่โดยรวมๆ แล้ว ช่วยให้ชีวิตง่ายและสะดวกอย่างมาก


#Android #iPhone #iOS

8 ปัญหาการใช้ iPad พร้อมแนะวิธีแก้

iPad คืออะไร 

A iPad & A Boy

iPad เป็นแท็บเล็ตจาก Apple ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบที่สวยงามและใช้งานง่าย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยหน้าจอสัมผัสที่คมชัด ความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็ว