บทสรุปใช้โซลาร์เซลล์ในบ้าน

Solar Cell
วิธีประหยัดไฟ ประหยัดในบ้าน!  

โซล่าร์เซลล์ในบ้าน เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในการประหยัดค่าไฟฟ้า โดยการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ สามารถลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทำให้เจ้าของบ้านมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการพึ่งพาแหล่งพลังงานฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในบ้านไม่เพียงแต่ให้ประโยชน์ทางการเงิน แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินอีกด้วย เมื่อผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น การใช้โซล่าร์เซลล์จึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นในยุคปัจจุบัน


โซลาร์เซลล์ ตืออะไร  

โซลาร์เซลล์ (Solar Cell) หรือเซลล์แสงอาทิตย์ คืออุปกรณ์ที่ใช้แปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง โดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (Photoelectric Effect)


ข้อดีของโซลาร์เซลล์
  • เป็นพลังงานสะอาด ไม่ปล่อยมลพิษ
  • ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • บำรุงรักษาง่าย อายุการใช้งานยาวนาน

ข้อจำกัดของโซลาร์เซลล์
  • ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและช่วงเวลากลางวัน
  • ต้องการพื้นที่ติดตั้งค่อนข้างมาก
  • ยังมีต้นทุนเริ่มต้นสูงสำหรับการติดตั้งขนาดใหญ่ 

ประเภทของโซลาร์เซลล์

1. ระบบออนกริด (On-grid System)
  • รายละเอียด
    • เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้า
    • ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
    • ใช้อินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับ
    • สามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินให้การไฟฟ้าได้
  • ตัวอย่าง
    • บ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 5 kW บนหลังคา ในช่วงกลางวันผลิตไฟฟ้าใช้เองและขายส่วนเกิน ตอนกลางคืนใช้ไฟจากการไฟฟ้า ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 30-50%
2. ระบบออฟกริด (Off-grid System)
  • รายละเอียด
    • ไม่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก ทำงานอิสระ
    • ต้องใช้แบตเตอรี่เก็บพลังงานไว้ใช้ตอนกลางคืนหรือวันที่แดดน้อย
    • จำเป็นต้องมีระบบควบคุมการชาร์จ (Charge Controller)
    • เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
  • ตัวอย่าง
    • บ้านพักตากอากาศบนเกาะห่างไกล ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 3 kW พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 kWh สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างพอเพียงสำหรับแสงสว่าง ตู้เย็น และอุปกรณ์ไฟฟ้าพื้นฐาน
3. ระบบไฮบริด (Hybrid System)
  • รายละเอียด
    • ผสมผสานข้อดีของทั้งระบบออนกริดและออฟกริด
    • มีแบตเตอรี่สำรองไฟ แต่ยังเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก
    • สามารถเลือกใช้ไฟจากแหล่งที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงเวลา
    • มีความยืดหยุ่นสูง แต่ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่าระบบอื่น
  • ตัวอย่าง
    • บ้านในชานเมืองที่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย ติดตั้งระบบไฮบริดขนาด 8 kW พร้อมแบตเตอรี่ 15 kWh ใช้ไฟจากโซลาร์เซลล์ในเวลากลางวัน เก็บพลังงานส่วนเกินในแบตเตอรี่ และสามารถใช้ไฟจากแบตเตอรี่หรือการไฟฟ้าในยามจำเป็น ทำให้มีไฟใช้ต่อเนื่องแม้เกิดไฟดับ

ประมาณการค่าใช้จ่ายโซลาร์เซลล์

ขอยกตัวอย่าง รายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับแต่ละระบบ โดยอ้างอิงจากราคาโดยประมาณในประเทศไทย ณ ปี 2024 สำหรับบ้านทั่วไป

1. ระบบออนกริด (On-grid System)
  • ราคาประมาณ 35,000 - 50,000 บาทต่อ kW
  • สำหรับบ้านขนาดกลาง (5 kW) ประมาณ 175,000 - 250,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายนี้รวมแผงโซลาร์เซลล์ อินเวอร์เตอร์ และค่าติดตั้ง
  • ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 7-10 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้า


2. ระบบออฟกริด (Off-grid System):
  • ราคาประมาณ 70,000 - 100,000 บาทต่อ kW
  • สำหรับระบบขนาด 3 kW ประมาณ 210,000 - 300,000 บาท
  • ราคานี้รวมแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ และอุปกรณ์ควบคุม
  • ราคาอาจสูงกว่านี้หากต้องการความจุแบตเตอรี่มากขึ้น


3. ระบบไฮบริด (Hybrid System):
  • ราคาประมาณ 60,000 - 80,000 บาทต่อ kW
  • สำหรับระบบขนาด 5 kW ประมาณ 300,000 - 400,000 บาท
  • รวมแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์แบบไฮบริด และอุปกรณ์ควบคุม

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
  • ราคาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุปกรณ์และผู้ให้บริการติดตั้ง
  • ค่าบำรุงรักษา: ระบบออนกริดมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ในขณะที่ระบบออฟกริดและไฮบริดอาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก 5-10 ปี
  • ประสิทธิภาพของระบบจะลดลงประมาณ 0.5-1% ต่อปี
  • อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการเสริมความแข็งแรงของหลังคาหรือการติดตั้งระบบติดตามดวงอาทิตย์

ทั้งนี้ ราคาที่ให้เป็นเพียงการประมาณการณ์ ราคาที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการและสภาพพื้นที่ติดตั้ง แนะนำให้ขอใบเสนอราคาจากผู้ให้บริการหลายๆ รายเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ

บทสรุปการเลือกติดตั้งโซลาร์เซลล์  การเลือกระบบที่เหมาะสมควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ พื้นที่ติดตั้ง ความต้องการใช้ไฟฟ้า และเป้าหมายในการติดตั้ง (ประหยัดค่าไฟ หรือต้องการความเสถียร)