1) สังเกตอาการผิดปกติของเครื่องก่อน
ก่อนจะเริ่มแก้ปัญหา เราต้องดูให้ชัดว่าเครื่องมีอาการน่าสงสัยหรือเปล่า เช่น
- เปิดเครื่องช้าลงกว่าปกติ
- มีโฆษณาเด้งเอง ทั้งที่ไม่ได้เข้าเว็บอะไร
- ไฟล์บางอย่างเปิดไม่ได้ หรือหายไป
- พัดลมคอมหมุนแรงเหมือนทำงานหนักตลอดเวลา
- โปรแกรมบางตัวเด้งขึ้นมาทั้งที่เราไม่ได้กดเปิด
ถ้าเจออาการแบบนี้บ่อย ๆ ก็เป็นสัญญาณดีว่าควรเริ่มตรวจเช็กเครื่องแล้วครับ
2) ปิดอินเทอร์เน็ตก่อน เพื่อหยุดความเสียหาย
ถ้าสงสัยว่าเจอไวรัส สิ่งแรกที่ควรทำคือ “ตัดเน็ตก่อน” เพราะไวรัสหลายตัวอาจเชื่อมต่อออกไปข้างนอก ส่งข้อมูล หรือโหลดตัวเสริมเข้ามาเพิ่ม การปิดเน็ตจะช่วยหยุดความเสียหายได้ทันที ทำให้การแก้ไขต่อไปง่ายขึ้นมาก
3) รีสตาร์ทและเข้าโหมดปลอดภัย (ถ้าทำได้)
โหมดปลอดภัยจะทำให้ระบบเปิดขึ้นแบบเบา ๆ ไม่โหลดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น ซึ่งช่วยให้ไวรัสจำนวนมากทำงานไม่ได้ ถ้าเข้าโหมดปลอดภัยได้ ให้ลองสแกนไวรัสหรือถอนโปรแกรมแปลก ๆ ได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าทำไม่เป็น ก็ไม่ต้องฝืนครับ ข้ามขั้นนี้ไปใช้วิธีอื่นต่อได้เลย ไม่ต้องกังวล
4) ใช้โปรแกรมสแกนไวรัสฟรีที่น่าเชื่อถือ
หลายคนคิดว่าต้องเสียเงินซื้อโปรแกรมแพง ๆ แต่จริง ๆ ตัวฟรีก็ใช้งานได้ดี เช่น
- Microsoft Defender (ติดมากับ Windows อยู่แล้ว)
- Avast Free
- AVG Free
- Bitdefender Free
แค่เปิดสแกนแบบเต็มระบบแล้วปล่อยให้โปรแกรมค้นหาและจัดการให้ ระบบก็ปลอดภัยขึ้นได้เยอะแล้วครับ
ข้อควรระวัง: อย่าดาวน์โหลดโปรแกรมสแกนจากเว็บแปลก ๆ เพราะมีโอกาสเป็นไวรัสปลอมได้เหมือนกัน
5) ลบโปรแกรมที่ไม่รู้จักออกให้หมด
ไวรัสหลายตัวซ่อนอยู่ในโปรแกรมที่ติดตั้งมาแบบเราไม่รู้ตัว เช่น โปรแกรมเร่งความเร็วปลอม โปรแกรมทำความสะอาดเครื่องปลอม หรือโปรแกรมทดลองใช้ที่ไม่จำเป็น
ลองเช็กตามนี้:
- เปิดดูรายการโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง
- มองหาชื่อโปรแกรมแปลก ๆ หรือไม่คุ้นตา
- มองหาตัวที่จำไม่ได้ว่าเคยติดตั้ง
- ถ้าไม่แน่ใจและไม่เคยใช้ ลบออกได้เลย
ยิ่งลบโปรแกรมแปลก ๆ ได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่อาการผิดปกติจะหายก็สูงขึ้นเท่านั้นครับ
6) ปิดโปรแกรมที่เปิดเองตอนเปิดเครื่อง
บางครั้งไวรัสหรือโปรแกรมโฆษณาก็ถูกตั้งให้เปิดขึ้นมาพร้อมกับระบบ ทำให้เราเห็นหน้าต่างแปลก ๆ ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง
แนวทางง่าย ๆ คือ:
- เข้าไปดูรายการโปรแกรมที่เปิดตอนเริ่มต้นระบบ (Startup)
- ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น หรือโปรแกรมที่ไม่รู้จัก
- เว้นเฉพาะโปรแกรมสำคัญ เช่น ตัวระบบ หรือโปรแกรมที่ใช้จริง ๆ
จากนั้นลองรีสตาร์ทเครื่องดูใหม่ ถ้าอาการดีขึ้น แสดงว่ามาเจอจุดผิดปกติถูกทางแล้วครับ
7) เคลียร์ไฟล์ขยะและล้างเบราว์เซอร์
ไวรัสบางตัวไม่ได้มาในรูปแบบโปรแกรม แต่ซ่อนตัวในเว็บเบราว์เซอร์ เช่น ส่วนเสริม (Extension) หรือโฆษณาเด้งเอง
สิ่งที่ควรทำคือ:
- ล้างประวัติการท่องเว็บและคุกกี้
- ลบส่วนเสริมที่ไม่รู้จัก หรือไม่ได้ใช้งาน
- ตั้งค่าหน้าแรกของเว็บกลับมาเป็นหน้าที่เราใช้ประจำ
หลังจากล้างแล้ว ส่วนใหญ่เครื่องจะทำงานลื่นขึ้น และโฆษณากวนใจก็มักจะน้อยลงครับ
8) อัปเดต Windows, macOS, Android, iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
ไวรัสจำนวนมากใช้ “ช่องโหว่” ของระบบในการเข้ามา ถ้าเราไม่อัปเดต ระบบก็จะยังมีรูรั่วให้มันแอบเข้ามาโจมตีได้
แค่กดอัปเดตระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ก็ช่วยป้องกันปัญหาได้เยอะแล้ว แม้อาจใช้เวลารีสตาร์ทบ้าง แต่ถือว่าคุ้มกับความปลอดภัยในระยะยาวครับ
9) สำรองข้อมูลเป็นประจำ
ไวรัสบางประเภท เช่น Ransomware จะล็อกไฟล์จนเราเปิดไม่ได้ ถ้าไม่มีสำรองข้อมูลไว้เลยก็เสี่ยงเสียงานสำคัญทั้งหมด
แนวทางสำรองข้อมูลง่าย ๆ:
- สำรองไฟล์สำคัญลง External Hard Disk หรือแฟลชไดรฟ์
- ใช้บริการ Cloud เช่น Google Drive, OneDrive หรือ iCloud
- สำรองอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นถ้ามีงานสำคัญ
ที่สำคัญคือไม่ควรเสียบฮาร์ดดิสก์สำรองค้างไว้ตลอดเวลา เพราะถ้าเครื่องติดไวรัส ไวรัสอาจตามเข้าไปในฮาร์ดดิสก์สำรองได้เหมือนกันครับ
10) หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
ไวรัสส่วนใหญ่หลบซ่อนอยู่ในไฟล์ที่เราดาวน์โหลดเอง เช่น
- โปรแกรมเถื่อน โปรแกรมแคร็ก
- ไฟล์ติดตั้งจากเว็บที่ไม่รู้จัก
- ไฟล์แนบในอีเมลจากคนแปลกหน้า
- ลิงก์ดาวน์โหลดที่ขึ้นมาจากโฆษณาเด้ง
กฎง่าย ๆ: ถ้าไม่มั่นใจที่มา อย่ากดดาวน์โหลด
แค่ระวังจุดนี้ให้มาก ก็ลดโอกาสติดไวรัสไปได้เยอะมากแล้วครับ
11) ตั้งรหัสผ่านให้รัดกุมขึ้น
ถึงจะไม่ใช่ไวรัสโดยตรง แต่การตั้งรหัสผ่านให้เดายาก จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบเข้าบัญชีเรา หรือแอบเปลี่ยนรหัสต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ
เคล็ดลับรหัสผ่านแบบเข้าใจง่าย:
- ยาวประมาณ 10 ตัวอักษรขึ้นไป
- ผสมตัวอักษรและตัวเลขเข้าด้วยกัน
- หลีกเลี่ยงชื่อเล่น เบอร์โทร หรือวันเกิด
ถ้ากลัวจำไม่ได้ สามารถใช้ตัวจัดการรหัสผ่านที่มากับเบราว์เซอร์ เช่น ของ Google หรือ iCloud ช่วยเก็บรหัสได้ครับ
12) ตรวจสอบแฟลชไดรฟ์ก่อนเปิดไฟล์
ไวรัสจำนวนไม่น้อยแพร่ผ่านแฟลชไดรฟ์ โดยเฉพาะเวลาย้ายไฟล์ไปมาหลายเครื่อง
วิธีลดความเสี่ยง:
- เสียบแฟลชไดรฟ์แล้วสแกนด้วยโปรแกรมสแกนไวรัสก่อนทุกครั้ง
- อย่าดับเบิลคลิกเปิดไฟล์ที่ชื่อแปลก ๆ หรือไอคอนเหมือนโฟลเดอร์แต่ไม่ใช่
- หลีกเลี่ยงแฟลชไดรฟ์จากคนที่ไม่รู้จัก หรือเครื่องสาธารณะ
13) ระวังป๊อปอัป “เตือนว่ามีไวรัส” จากเว็บหลอก
ช่วงหลังมักมีหน้าเว็บปลอมเด้งเตือนว่า “เครื่องคุณติดไวรัส กดที่นี่เพื่อล้างด่วน!” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแค่หน้าโฆษณาหลอกให้เรากด
ถ้าเจอแบบนี้ ให้ปิดหน้าเว็บไปเลย ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ บนป๊อปอัป และไม่ต้องติดตั้งอะไรตามที่เว็บบอก ถ้ากังวลจริง ๆ ให้ใช้โปรแกรมสแกนไวรัสที่เรามั่นใจแทนครับ
14) ถ้าแก้เองไม่ไหว อาจต้องรีเซ็ตระบบ
ถ้าทำทุกวิธีแล้ว แต่อาการยังหนัก เช่น เปิดเครื่องไม่ขึ้น โปรแกรมเด้งไม่หยุด หรือไฟล์สำคัญถูกล็อกจนเปิดไม่ได้ การรีเซ็ตเครื่องกลับค่าเริ่มต้นอาจเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุด
สิ่งสำคัญก่อนรีเซ็ต:
- สำรองไฟล์สำคัญออกมาก่อนให้เรียบร้อย
- หลังรีเซ็ต ติดตั้งโปรแกรมเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการโหลดไฟล์จากแหล่งเดิมที่ทำให้เคยติดไวรัส
15) ปรับนิสัยการใช้งานให้ปลอดภัยในระยะยาว
วิธีป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดไม่ใช่โปรแกรม แต่คือ “นิสัยการใช้งานของเราเอง”
ลองทำให้เป็นนิสัย:
- ไม่กดลิงก์สุ่มสี่สุ่มห้า
- ไม่โหลดโปรแกรมเถื่อนหรือไฟล์จากเว็บแปลก ๆ
- อัปเดตระบบและโปรแกรมเป็นประจำ
- สำรองข้อมูลสม่ำเสมอ
- ใช้โปรแกรมสแกนไวรัสตรวจเครื่องเป็นระยะ
ถ้าทำข้อข้างต้นเหล่านี้ได้เรื่อย ๆ จะพบว่า ปัญหาไวรัสหรือเครื่องรวน เพราะโปรแกรมแปลก ๆ ลดลงอย่างชัดเจนอย่างแน่นอน ลองนำไปใช้กันดู


Social Plugin