1. ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้รัดกุมตั้งแต่ต้น
หลายแอปตั้งค่าพื้นฐานแบบ “สาธารณะ” หมายความว่าใครก็เห็นข้อมูลของเราได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือเข้าไปเช็กการตั้งค่า Privacy หรือ ความเป็นส่วนตัว ของทุกแอปโซเชียลที่เราใช้งาน
สิ่งที่ควรตั้งค่า เช่น
- ให้โพสต์เห็นเฉพาะเพื่อน หรือเฉพาะคนที่เราเลือก
- ปิดการค้นหาเราจากเบอร์โทรหรืออีเมล
- จำกัดไม่ให้คนอื่นแท็กเราโดยอัตโนมัติ
- ซ่อนข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิด ที่อยู่ อีเมล
ทำเพียงเท่านี้ก็ลดโอกาสที่คนแปลกหน้าจะเอาข้อมูลเราไปใช้ผิดๆ ได้มากแล้ว
2. อย่าโพสต์ข้อมูลส่วนตัวที่บอกตำแหน่งชัดเกินไป
หลายคนชอบเช็กอินที่บ้าน โพสต์หน้าบ้าน หรือถ่ายรูปที่มีป้ายที่อยู่โดยไม่รู้ตัว รูปแบบนี้อันตรายมาก เพราะบอก “โลเคชั่นจริง” ให้คนอื่นรู้
สิ่งที่ควรเลี่ยง เช่น
- โพสต์หน้าบ้านหรือเลขที่บ้าน
- เช็กอินที่บ้านพัก หรือที่อยู่ประจำ
- โชว์ตั๋วเครื่องบินที่มีชื่อ–นามสกุลและหมายเลขชัดเจน
- โพสต์บัตรประชาชน บัตรต่างๆ หรือเอกสารราชการ
ถ้าจะโพสต์ ควรโพสต์หลังจากออกจากสถานที่นั้นแล้ว หรือเบลอข้อมูลสำคัญในรูปก่อนทุกครั้ง
3. ระวังรูปภาพที่มีข้อมูลหลุดโดยไม่ตั้งใจ
หลายครั้งข้อมูลสำคัญแอบซ่อนอยู่ในรูปภาพ เช่น หน้าจอคอมที่เปิดอีเมล ป้ายชื่อที่ทำงาน เอกสารบนโต๊ะ หมายเลขบัตร หรือป้ายทะเบียนรถ
ก่อนโพสต์ให้ลองซูมดูในรูปว่า:
- มีอีเมล เบอร์โทร หรือที่อยู่โผล่ในภาพหรือไม่
- มีเอกสารสำคัญติดมาหรือเปล่า
- มีข้อมูลที่ทำให้คนอื่นเดาชื่อบริษัท ที่ทำงาน หรือที่อยู่จริงได้หรือไม่
ข้อมูลเพียงเล็กน้อย อาจถูกนำไปรวมกับข้อมูลอื่นเพื่อแอบอ้างตัวตนของเราได้
4. ใช้รหัสผ่านที่เดายาก และไม่ซ้ำกันหลายที่
บัญชีโซเชียลคือประตูหลักของข้อมูลเรา ถ้ารหัสผ่านหลุด ทุกอย่างก็หลุดตามไปด้วย
เคล็ดลับการตั้งรหัสผ่านแบบง่ายๆ:
- อย่าใช้ชื่อเล่น ชื่อจริง เบอร์โทร หรือวันเกิดเป็นรหัสผ่าน
- ไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันทุกแอป ควรแยกกันอย่างน้อยสำหรับแอปสำคัญ
- เพิ่มตัวเลขและสัญลักษณ์ให้เดายากขึ้น
- เปลี่ยนรหัสผ่านทุก 6–12 เดือน
- เปิดใช้การยืนยันตัวตนสองขั้น (เช่น ต้องใส่รหัสที่ส่งเข้า SMS หรือแอป)
แค่ปรับเรื่องรหัสผ่าน ก็ช่วยลดโอกาสโดนแฮกไปได้มากแล้ว
5. ตรวจสอบเพื่อนในโซเชียลเป็นประจำ
หลายคนกดรับเพื่อนทุกคนที่ส่งคำขอมา ทั้งๆ ที่อาจไม่รู้จักกันจริง ซึ่งกลายเป็นช่องให้คนแปลกหน้ามองเห็นข้อมูลส่วนตัวเราได้ง่ายขึ้น
คำแนะนำคือ:
- ลบหรือตัดเพื่อนที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยคุยกันเลย
- ตรวจสอบบัญชีที่ดูเหมือนปลอม เช่น โปรไฟล์ว่าง ไม่มีโพสต์ เพื่อนน้อยมาก
- ตั้งค่าให้ต้องกดอนุมัติเองทุกครั้งก่อนรับเป็นเพื่อน
บางทีคนเดียวที่เราไม่รู้จัก ก็อาจเป็นช่องทางให้ข้อมูลเราไหลออกไปได้
6. อย่าเล่นเกมหรือแบบทดสอบที่ขอข้อมูลเกินจำเป็น
เกมทายชื่อ ทายดวง หรือแบบทดสอบสนุกๆ หลายอย่าง มักขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลของเรา เช่น วันเกิดเต็ม รายชื่อเพื่อน หรืออีเมล
ควรระวังกรณี:
- แอปหรือเว็บที่ขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลมากเกินไป
- เกมที่ต้องอนุญาตให้เข้าถึงรายชื่อเพื่อน
- ลิงก์แปลกๆ ที่แชร์ต่อกันในแชท หรือแชร์บนไทม์ไลน์
ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้โฆษณา หรือขายต่อให้ระบบอื่นโดยที่เราไม่รู้ตัว
7. ตรวจสอบโพสต์เก่าๆ แล้วลบสิ่งที่ไม่จำเป็น
โพสต์เก่าๆ ของเราอาจมีข้อมูลที่ในตอนนั้นดูไม่สำคัญ แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดอ่อน เช่น รูปบัตรต่างๆ วันเกิดแบบครบปี ที่อยู่เก่า หรือข้อมูลการเงินบางอย่าง
สิ่งที่ควรทำเป็นระยะๆ:
- ลบโพสต์สาธารณะที่ไม่มีความจำเป็นต้องเปิดให้คนทั่วไปเห็น
- ลบหรือซ่อนข้อมูลที่มีข้อมูลส่วนตัวชัดเจน
- ปรับโพสต์เก่าให้เห็นเฉพาะเพื่อน หรือเฉพาะกลุ่ม
ทำปีละครั้งก็ยังดี เหมือนเป็นการรีเซ็ตความปลอดภัยของโปรไฟล์เรา
8. ระวังข้อความหลอกลวงบนโซเชียล
มิจฉาชีพชอบใช้โซเชียลเป็นช่องทางทักมาหลอกเอาข้อมูล โดยอาจปลอมเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่
ตัวอย่างข้อความที่ควรระวัง:
- ข้อความขอรหัส OTP หรือรหัสผ่าน
- ลิงก์ให้กดเพื่อยืนยันตัวตนโดยด่วน
- ข้อความแจ้งว่าคุณถูกรางวัลแล้วให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
- ทักมาปลอมเป็นเพื่อนแล้วขอยืมเงิน ขอกดลิงก์แทน
จำไว้เสมอว่า องค์กรจริงจะไม่ขอรหัสผ่านจากเรา และถ้าอะไรดูรีบ ดูเร่ง ดูกดดัน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นของปลอม
9. เลี่ยงการแชร์ชีวิตส่วนตัวแบบละเอียดเกินไป
ไม่จำเป็นที่ทุกเรื่องต้องลงโซเชียล เช่น รายละเอียดเวลาไปไหนมาไหนทุกวัน รายได้ รายจ่าย สลิปเงินเดือน หรือเรื่องทะเลาะกับคนใกล้ตัว
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้:
- คนอื่นเดาพฤติกรรมเราได้ เช่น เวลาไม่อยู่บ้าน
- ถูกใช้เป็นข้อมูลในการหลอกลวงหรือแบล็กเมล์
- กระทบความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือที่ทำงาน
เลือกแชร์เฉพาะสิ่งที่เราโอเค ถ้าใครก็ได้เห็น ก็ยังไม่รู้สึกไม่สบายใจ
10. แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีทำงาน
หลายคนใช้บัญชีเดียวสำหรับทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ทำให้ควบคุมข้อมูลได้ยาก และอาจทำให้เพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าเข้าถึงเรื่องส่วนตัวมากเกินไป
แนะนำให้มีอย่างน้อย 2 บัญชี:
- บัญชีส่วนตัว – ใช้คุยกับเพื่อน ครอบครัว แชร์เรื่องส่วนตัว
- บัญชีทำงานหรือสาธารณะ – ใช้ติดต่อเรื่องงาน ลูกค้า หรือคอนเทนต์สาธารณะ
แบบนี้จะจัดการความเป็นส่วนตัวได้ง่ายขึ้น และลดผลกระทบเวลามีปัญหาเกี่ยวกับบัญชี
11. หมั่นตรวจสอบการเข้าใช้งานบัญชี
หลายแพลตฟอร์มสามารถเช็กประวัติการเข้าใช้งานได้ เช่น ใช้อุปกรณ์อะไร เมืองไหน เวลาใด ถ้าเห็นการเข้าใช้งานที่ไม่คุ้น ให้ระวังไว้ก่อน
สิ่งที่ควรทำ:
- ตรวจสอบประวัติการเข้าใช้งานเป็นประจำ
- ถ้าเจออุปกรณ์แปลกๆ ให้กดออกจากระบบทุกเซสชัน
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อป้องกันความเสียหาย
12. ระวังการใช้ Wi-Fi สาธารณะ
Wi-Fi ฟรีตามร้านกาแฟ ห้าง หรือสนามบิน แม้จะสะดวก แต่บางครั้งก็มีความเสี่ยง เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งระบบ และมีใครดักข้อมูลอยู่หรือไม่
เวลาจำเป็นต้องใช้ Wi-Fi สาธารณะ:
- หลีกเลี่ยงการล็อกอินบัญชีสำคัญ เช่น อีเมลหลัก หรือบัญชีธนาคาร
- ไม่ทำธุรกรรมการเงิน
- ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวสำคัญลงในเว็บต่างๆ
ถ้าเลือกได้ การใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือของตัวเองจะปลอดภัยกว่ามาก
13. อย่าเปิดเผยชีวิตลูกหลานมากเกินไป
เด็กเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวและเสี่ยงมาก เพราะช่วยตัวเองไม่ได้ การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
ควรหลีกเลี่ยงการโพสต์:
- ชื่อโรงเรียน เวลาไป–กลับ
- รูปชุดนักเรียนที่เห็นชื่อโรงเรียนชัดเจน
- ข้อมูลสุขภาพหรือปัญหาส่วนตัวของเด็ก
เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว ควรคิดให้ดีก่อนโพสต์ทุกครั้ง
14. ปิดการแชร์ตำแหน่งแบบอัตโนมัติ
แอปบางตัวตั้งค่าให้แชร์ตำแหน่งแบบอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้คนอื่นรู้ว่าเราอยู่ที่ไหนบ่อยๆ
แนะนำว่า:
- เข้าไปปิดการแชร์ Location ในแอปที่ไม่จำเป็น
- ให้อนุญาตเฉพาะตอนใช้งานเท่านั้น เช่น แอปแผนที่หรือเรียกรถ
15. ใช้สติเป็นหลัก ก่อนโพสต์ทุกครั้ง
สุดท้ายแล้ว “สติ” คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียล ก่อนจะโพสต์อะไร ลองถามตัวเองสั้นๆ ว่า:
- โพสต์นี้จำเป็นต้องลงไหม?
- มีข้อมูลส่วนตัวอะไรหลุดไปบ้างหรือเปล่า?
- ถ้าคนแปลกหน้ามาเห็น เราจะยังโอเคไหม?
- อีก 5 ปีข้างหน้า เรายังอยากเห็นโพสต์นี้อยู่ไหม?
แค่คิดเพิ่มอีกนิด ก่อนกดโพสต์ ก็ช่วยลดปัญหาในอนาคตไปได้เยอะแล้ว


Social Plugin