ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การสร้างเว็บไซต์กลายเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับบุคคลทั่วไปและองค์กรที่ต้องการเผยแพร่ข้อมูลหรือนำเสนอผลงาน โดยเครื่องมือฟรีที่ได้รับความนิยมจาก Google
ได้แก่ Blogger และ Google Sites ซึ่งต่างมีจุดเด่นและการใช้งานที่ตอบโจทย์ต่างกัน Blogger เป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์บทความ เน้นการเผยแพร่เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับงานเขียน รีวิว หรือการทำ SEO เพื่อเข้าถึงผู้อ่านและสร้างรายได้จากโฆษณา
ในขณะที่ Google Sites ออกแบบมาเพื่อการสร้างเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลที่ใช้งานง่ายและทำงานร่วมกับ Google Workspace ได้ดี เหมาะสำหรับเว็บไซต์องค์กร เว็บไซต์โปรเจกต์ หรือพอร์ตโฟลิโอส่วนตัว ทั้งสองแพลตฟอร์มช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดสามารถสร้างเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกและดูเป็นมืออาชีพ
Blogger และ Google Sites เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้สร้างเว็บไซต์ แต่มีวัตถุประสงค์และความสามารถที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
ความเหมือนกันของ Blogger และ Google Sites
- ฟรีและใช้บัญชี Google: ทั้งสองเชื่อมโยงกับ Google Account ใช้งานได้ฟรี
- โฮสต์โดย Google: ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับเซิร์ฟเวอร์หรือโดเมนย่อย
- ใช้งานง่าย: ไม่จำเป็นต้องมีความรู้การเขียนโค้ด ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้
- SEO พื้นฐาน: รองรับการถูกค้นหาใน Google Search
ความแตกต่างของ Blogger และ Google Sites
1. วัตถุประสงค์การใช้งาน
- Blogger → เน้นการทำ บล็อกหรือ เว็บบทความที่มีการอัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ เช่น บทความ ข่าว รีวิว
- Google Sites → เน้นการทำ เว็บไซต์นำเสนอข้อมูลเช่น เว็บองค์กร เว็บภายในบริษัท (Intranet) เว็บพอร์ตโฟลิโอ หรือเว็บโปรเจกต์
2. การจัดการเนื้อหา
- Blogger → จัดการในรูปแบบ โพสต์เรียงตามเวลามีป้ายกำกับ (Labels) สำหรับจัดหมวดหมู่ เหมาะกับเว็บที่มีเนื้อหาจำนวนมาก
- Google Sites → ใช้โครงสร้างเป็น หน้าเพจ (Pages)และเมนูนำทาง เหมาะกับเว็บที่ต้องการโครงสร้างชัดเจน เช่น แบ่งเป็น "เกี่ยวกับเรา / ติดต่อ / ผลงาน"
3. การออกแบบ
- Blogger → มีธีมสำเร็จรูปและปรับแต่งได้มาก สามารถแก้ไข HTML / CSS ได้
- Google Sites → การออกแบบเรียบง่าย ใช้ Drag & Dropแต่ปรับแต่งได้จำกัด ไม่รองรับการแก้โค้ด
4. การผสานกับบริการอื่น
- Blogger → เน้นการเชื่อมต่อกับ Google AdSense และ Analytics เหมาะสำหรับการทำรายได้จากโฆษณา
- Google Sites → เชื่อมกับ Google Drive, Docs, Sheets, Slides ได้ดี เหมาะกับการใช้ทำงานร่วมกันในองค์กร
5. การใช้งานในเชิงธุรกิจ
- Blogger → เหมาะกับคนทำคอนเทนต์, บทความ, การตลาดผ่านบล็อก
- Google Sites → เหมาะกับเว็บบริษัท โรงเรียน ทีมงาน ที่ต้องการเว็บแนะนำข้อมูลหรืองานภายใน
✅ สรุปสั้น ๆ
- ถ้าเป้าหมายคือ เขียนบทความ ทำ SEO หารายได้จากโฆษณา → ใช้ Blogger
- ถ้าเป้าหมายคือ สร้างเว็บองค์กร นำเสนอข้อมูล หรือใช้ร่วมงานในทีม → ใช้ Google Sites
วิธีใช้ Google Sites (สำหรับผู้เริ่มต้น)
- เข้าไปที่ Google Sites
- กด ปุ่ม + (สร้าง) เพื่อเริ่มไซต์ใหม่
- เลือก เทมเพลต (Template) ที่เหมาะกับงาน เช่น พอร์ตโฟลิโอ, เว็บไซต์ทีม, เว็บโปรเจกต์
- เมนู Insert → เพิ่มข้อความ รูปภาพ ปุ่ม วิดีโอ หรือฝังโค้ด (Embed)
- Pages → เพิ่มหน้าใหม่ เช่น “เกี่ยวกับเรา”, “ผลงาน”, “ติดต่อ”
- Themes → เลือกโทนสี ฟอนต์ และสไตล์เว็บไซต์
- ใช้ Drag & Drop ลากวางบล็อกเนื้อหา
- ใช้ Section Layouts ที่ Google มีให้ (เช่น 2 คอลัมน์, 3 คอลัมน์) เพื่อจัดหน้าให้ดูมืออาชีพ
- กำหนด ชื่อเว็บไซต์และโลโก้
- ตั้งค่า Navigation (แถบเมนู) ได้ทั้งบนหัวเว็บ (Top) หรือด้านข้าง (Side)
- กำหนด สิทธิ์การเข้าถึง → เลือกว่าจะให้เป็น สาธารณะ (Public) หรือ เฉพาะกลุ่ม (Restricted)
- กด Publish
- เลือก URL (เช่น sites.google.com/view/ชื่อเว็บไซต์)
- สามารถเชื่อมกับ โดเมนส่วนตัว ได้ถ้าต้องการ
วิธีใช้ Blogger (สำหรับผู้เริ่มต้น)
- เข้าไปที่ Blogger
- ลงชื่อเข้าใช้ด้วย บัญชี Google
- กดปุ่ม Create Blog เพื่อสร้างบล็อกใหม่
- ใส่ชื่อบล็อก → เช่น “My Travel Diary”
- กำหนด URL → ชื่อที่คุณต้องการ.blogspot.com (สามารถใช้โดเมนส่วนตัวได้ภายหลัง)
- เลือกธีม (Template) → เลือกสไตล์ที่เหมาะกับบล็อก
- กด New Post
- พิมพ์ หัวข้อ (Title) และ เนื้อหา (Content)
- จัดรูปแบบตัวอักษร ใส่รูปภาพ วิดีโอ หรือลิงก์ได้
- เพิ่ม Labels (ป้ายกำกับ) เพื่อจัดหมวดหมู่บทความ
- กด Publish เพื่อเผยแพร่
- ใช้สำหรับเนื้อหาที่ไม่เปลี่ยนบ่อย เช่น “เกี่ยวกับเรา” หรือ “ติดต่อเรา”
- เข้าผ่านเมนู Pages > New Page
- เมนู Theme → เลือกหรือแก้ไขดีไซน์บล็อก
- เมนู Layout → จัดการส่วนต่าง ๆ เช่น Header, Sidebar, Footer
- สามารถเพิ่ม Gadget เช่น ค้นหา, บทความยอดนิยม, ลิงก์โซเชียล
- Settings → ตั้งค่า SEO, การอนุญาตให้แสดงความคิดเห็น, การแสดงผลใน Google Search
- เชื่อมต่อกับ Google Analytics เพื่อติดตามสถิติผู้เข้าชม
- หากต้องการหารายได้ → สมัคร Google AdSense เพื่อแสดงโฆษณา