ไส้กรองในรถยนต์ มีกี่อย่าง

Engine filter

รถยนต์ เป็นพาหนะที่ทำงานด้วยระบบซับซ้อนซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ต้องทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ 

หนึ่งในองค์ประกอบที่มีความสำคัญแต่หลายคนมักมองข้ามก็คือ “ไส้กรอง” ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง น้ำมันดิบ และสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าไปในระบบหลักของรถยนต์ ไส้กรองแต่ละชนิดมีบทบาทแตกต่างกันไป หากไม่มีการดูแลและเปลี่ยนไส้กรองอย่างเหมาะสม รถยนต์อาจเกิดปัญหาการทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และเสี่ยงต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ 

บทความนี้จึงจะพาคุณไปรู้จักกับไส้กรองในรถยนต์แต่ละประเภท พร้อมรายละเอียดและประโยชน์ที่คุณควรรู้

ไส้กรองในรถยนต์


1) ไส้กรองอากาศ (Air Filter)

ทำหน้าที่กรองฝุ่นละออง เศษผง และสิ่งสกปรกจากอากาศก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์และลดการสึกหรอของเครื่องยนต์

หน้าที่หลัก

  • กรองฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมจากอากาศที่ไหลเข้าเครื่องยนต์
  • ช่วยให้การจ่ายอากาศมีเสถียรภาพ ส่งผลให้รอบเดินเบานิ่ง

ความสำคัญ

  • ส่งเสริมการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ เพิ่มกำลังและความประหยัดเชื้อเพลิง
  • ลดการขูดสึกภายในกระบอกสูบ วาล์ว และเทอร์โบ (ถ้ามี)
  • ช่วยยืดอายุเซ็นเซอร์ MAF/MAP และระบบไอดี

การดูแล/ระยะเปลี่ยน

  • ตรวจเช็กทุก ~10,000 กม. (เคาะฝุ่น/เป่าลมเบาๆ หากคู่มือยอมรับ)
  • เปลี่ยนโดยทั่วไปทุก 20,000–40,000 กม. หรือเร็วกว่านั้นหากวิ่งฝุ่นมาก


2) ไส้กรองน้ำมันเครื่อง (Oil Filter)

กรองคราบเขม่า เศษโลหะ และสิ่งปนเปื้อนในน้ำมันเครื่องก่อนกลับไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อลดการสึกหรอและคงคุณสมบัติน้ำมันเครื่องให้นานที่สุด

หน้าที่หลัก

  • ดักจับอนุภาคสกปรก/เศษโลหะจากการสึกหรอของเครื่องยนต์
  • รักษาความสะอาดของทางเดินน้ำมันและแบริ่งหลัก

ความสำคัญ

  • ลดการสึกหรอ เพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
  • ช่วยคงค่าความหนืดและคุณสมบัติการหล่อลื่น
  • สนับสนุนแรงดันน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมภายใต้โหลด/อุณหภูมิสูง

การดูแล/ระยะเปลี่ยน

  • เปลี่ยน “พร้อม” น้ำมันเครื่องทุกครั้ง (โดยทั่วไปทุก 5,000–10,000 กม. หรือช่วงเวลาตามคู่มือ)
  • เลือกไส้กรองสเปกตามผู้ผลิตรถ/มาตรฐานเทียบเท่าที่เชื่อถือได้


3) ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Filter)

กรองตะกอน น้ำ และสิ่งสกปรกในเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่รางหัวฉีดหรือคาร์บูเรเตอร์ เพื่อป้องกันการอุดตันและรักษาแรงดัน/อัตราการไหลเชื้อเพลิงให้คงที่

หน้าที่หลัก

  • ดักจับสิ่งปนเปื้อนและความชื้นในน้ำมันเบนซิน/ดีเซล
  • ปกป้องหัวฉีด ปั๊มเชื้อเพลิง และรางเชื้อเพลิง

ความสำคัญ

  • ลดอาการเร่งไม่ขึ้น สะดุด หรือสตาร์ทยากจากหัวฉีดสกปรก
  • คงประสิทธิภาพการเผาไหม้และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
  • ลดความเสียหายของปั๊มเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง

การดูแล/ระยะเปลี่ยน

  • โดยทั่วไปเปลี่ยนทุก 40,000–60,000 กม. (ขึ้นกับคุณภาพเชื้อเพลิงและสเปกรถ)
  • รถดีเซลบางรุ่นมี “ถ้วยกรอง” พร้อมเซ็นเซอร์น้ำ ควรถ่ายน้ำออกตามรอบ


4) ไส้กรองอากาศห้องโดยสาร (Cabin Air Filter)

กรองอากาศที่เข้าสู่ห้องโดยสารผ่านระบบปรับอากาศ ลดฝุ่น เกสร กลิ่น และมลพิษ เพื่อทัศนวิสัยและสุขภาพของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้มีภูมิแพ้

หน้าที่หลัก

  • ดักจับ PM/ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และเสมหะเชื้อโรคบางส่วน
  • รุ่นคาร์บอนกัมมันต์ช่วยลดกลิ่น/ก๊าซระคายเคือง

ความสำคัญ

  • อากาศในห้องโดยสารสะอาด ลดกลิ่นอับและหมอกควัน
  • ช่วยลดคราบฝ้าที่กระจกและเพิ่มประสิทธิภาพทำความเย็น
  • เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก/ผู้มีอาการภูมิแพ้

การดูแล/ระยะเปลี่ยน

  • เปลี่ยนทุก 15,000–20,000 กม. หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • พื้นที่ฝุ่นมาก/จราจรหนาแน่น อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้น

บทสรุป ไส้กรองแต่ละชนิดในรถยนต์มีบทบาทสำคัญต่อสมรรถนะและความปลอดภัย หากปล่อยให้สกปรกหรืออุดตันจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก สิ้นเปลืองน้ำมัน และอาจเกิดความเสียหายที่ต้องซ่อมแพง ดังนั้นผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองตามระยะที่แนะนำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ประหยัดเชื้อเพลิง และยืดอายุการใช้งานของทั้งระบบเครื่องยนต์และระบบอากาศในห้องโดยสารอย่างมั่นใจ