วิธีตรวจสอบสเปคคอมพิวเตอร์

Systemm Information
การตรวจสอบสเปคคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทราบถึงคุณสมบัติและความสามารถของอุปกรณ์ที่ตนเองใช้อยู่ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงเครื่อง เพิ่มประสิทธิภาพ หรือเลือกอุปกรณ์ใหม่ให้เหมาะสมกับความต้องการ 

การตรวจสอบสเปคไม่ได้มีไว้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ผู้ใช้งานทั่วไปก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายผ่านเครื่องมือในระบบปฏิบัติการ Windows เช่น Task Manager และ System Information หรือใช้โปรแกรมเสริม เช่น CPU-Z และ HWMonitor ข้อมูลสำคัญที่ควรตรวจสอบ ได้แก่ CPU, RAM, การ์ดจอ (GPU), พื้นที่เก็บข้อมูล (Storage) และระบบปฏิบัติการ (OS) 

ซึ่งแต่ละส่วนมีผลต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ การเข้าใจสเปคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานและดูแลคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับความต้องการในระยะยาว


วิธีที่ 1: ใช้เครื่องมือใน Windows

System Information
1. ตรวจสอบผ่าน System Information

1. กดปุ่ม `Win + R` บนแป้นพิมพ์  
2. พิมพ์ `msinfo32` แล้วกด Enter  
3. หน้าต่าง System Information จะเปิดขึ้นมา แสดงข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เช่น:
  • ชื่อ CPU: แสดงว่าคุณใช้หน่วยประมวลผลรุ่นอะไร  
  • RAM: บอกขนาดของหน่วยความจำที่ติดตั้งไว้ เช่น 8 GB  
  • ระบบปฏิบัติการ: Windows 10/11 รุ่นใด และเป็นแบบ 32-bit หรือ 64-bit  
  • เมนบอร์ด: ชื่อผู้ผลิตและรุ่น  
เหมาะสำหรับ: การดูข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดในที่เดียว  


2. ตรวจสอบผ่าน Task Manager

1. คลิกขวาที่แถบ Taskbar แล้วเลือก Task Manager (หรือกด `Ctrl + Shift + Esc`)  
2. ไปที่แท็บ Performance  
3. คุณจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับ:
  • CPU: ความเร็ว จำนวนคอร์ (Cores) และเธรด (Threads)  
  • RAM: ขนาดที่ติดตั้งและใช้งานอยู่  
  • Disk (Storage): ความจุที่ใช้และที่เหลืออยู่  
  • GPU (การ์ดจอ): ยี่ห้อและรุ่น  
เหมาะสำหรับ: ตรวจสอบการทำงานและสถานะของเครื่องในปัจจุบัน  


วิธีที่ 2: ใช้คำสั่งใน Command Prompt

1. กดปุ่ม `Win + R` พิมพ์ `cmd` แล้วกด Enter  
2. พิมพ์คำสั่งนี้เพื่อดูสเปค:
  • `systeminfo` – แสดงข้อมูลทั่วไป เช่น ชื่อคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการ รุ่น CPU และ RAM  
  • `wmic memorychip get capacity, speed` – ดูความจุและความเร็วของ RAM  

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการข้อมูลอย่างรวดเร็ว  


วิธีที่ 3: ใช้โปรแกรมเสริม  

 1. CPU-Z  สิ่งที่ตรวจสอบได้:  
  • ข้อมูล CPU: ชื่อรุ่น ความเร็ว และจำนวนคอร์  
  • RAM: ความจุและชนิด (DDR4, DDR5)  
  • เมนบอร์ด: ชื่อรุ่นและผู้ผลิต  
วิธีใช้งาน:  
1. ดาวน์โหลดโปรแกรม CPU-Z จากเว็บไซต์ทางการ  
2. เปิดโปรแกรมและดูข้อมูลในแต่ละแท็บ เช่น:
  • แท็บ CPU: แสดงรายละเอียดของหน่วยประมวลผล  
  • แท็บ Memory: แสดงข้อมูล RAM  

2. HWMonitor  สิ่งที่ตรวจสอบได้:  
  • อุณหภูมิของ CPU, GPU  
  • สถานะการทำงานของฮาร์ดแวร์  

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเช็คประสิทธิภาพหรือปัญหาความร้อน  


ตัวอย่างการตรวจสอบทีละส่วน  

 1. ตรวจสอบ CPU (หน่วยประมวลผลกลาง)  
  • เข้า System Information หรือ Task Manager > ดูชื่อรุ่น เช่น Intel Core i5-12400  
  • ข้อมูลสำคัญ: คอร์ (Cores), ความเร็ว (GHz)  

 2. ตรวจสอบ RAM  
  • ใน Task Manager > Performance > Memory  
  • ข้อมูลสำคัญ: ขนาด RAM เช่น 8 GB, 16 GB  

 3. ตรวจสอบ GPU (การ์ดจอ)  
  • เข้า Task Manager > Performance > GPU  
  • ข้อมูลสำคัญ: รุ่นการ์ดจอ เช่น NVIDIA GeForce GTX 1650  

 4. ตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูล (Storage)  
  • เปิด File Explorer > คลิกขวาที่ไดรฟ์ > Properties  
  • ดูความจุและพื้นที่ว่างคงเหลือ  

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่  
  • ใช้โปรแกรมที่แนะนำ เช่น CPU-Z เพื่อความสะดวก  
  • หากไม่เข้าใจคำศัพท์ ให้มองหาวิดีโอสอนใน YouTube  
  • บันทึกข้อมูลที่ตรวจสอบไว้ เช่น CPU, RAM, Storage เพื่อใช้เมื่อต้องการอัปเกรดหรือแก้ปัญหา  

บทสรุป การตรวจสอบสเปคคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใช้เครื่องมือใน Windows หรือโปรแกรมช่วย เช่น CPU-Z คุณก็สามารถดูข้อมูลสำคัญของคอมพิวเตอร์ได้อย่างละเอียด!