เชื่อว่า คนส่วนใหญ่รู้จัก Android เป็นอย่างดี
Android OS (Operating System) เป็นระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์มือถือที่พัฒนาโดย Google โดยเน้นการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ระบบปฏิบัติการนี้มีพื้นฐานมาจาก Linux Kernel ซึ่งเป็นระบบเปิด (Open Source) ทำให้นักพัฒนาและผู้ผลิตสามารถปรับแต่งเพื่อใช้งานได้ตามต้องการ
แต่คนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่า ละเวอร์ชันของ Android มักจะตั้งชื่อตามขนมหวาน โดยมีการพัฒนาต่อเนื่องเพื่อลดข้อบกพร่องและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ดังนี้
เวอร์ชันของ Android OS
เวอร์ชัน | ชื่อเรียกเฉพาะ | วันที่เปิดตัว | รายละเอียด |
---|---|---|---|
1.0 | ไม่มีชื่อเรียก | 23 กันยายน 2008 | เวอร์ชันแรกของ Android พร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น เว็บบราวเซอร์ กล้อง และการซิงโครไนซ์รายชื่อผู้ติดต่อ |
1.1 | ไม่มีชื่อเรียก | 9 กุมภาพันธ์ 2009 | อัปเดตเล็กน้อยและการแก้ไขข้อผิดพลาด เพิ่มการปรับปรุง API |
1.5 | Cupcake | 27 เมษายน 2009 | เพิ่มคีย์บอร์ดบนหน้าจอ การบันทึกวิดีโอ และการอัปโหลดวิดีโอไปยัง YouTube และ Picasa |
1.6 | Donut | 15 กันยายน 2009 | รองรับขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน การค้นหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น |
2.0 - 2.1 | Eclair | 26 ตุลาคม 2009 | รองรับการใช้งานหลายบัญชี Google Maps Navigation และวอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว |
2.2 | Froyo | 20 พฤษภาคม 2010 | ปรับปรุงความเร็ว รองรับ Wi-Fi hotspot และการรองรับ Adobe Flash ในเบราว์เซอร์ |
2.3 | Gingerbread | 6 ธันวาคม 2010 | ปรับปรุง UI รองรับ NFC และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น |
3.0 - 3.2 | Honeycomb | 22 กุมภาพันธ์ 2011 | ออกแบบมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ เพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน UI และการทำงานแบบหลายหน้าต่าง |
4.0 | Ice Cream Sandwich | 18 ตุลาคม 2011 | รวม UI สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต การปลดล็อกด้วยการจดจำใบหน้า และการทำงานแบบหลายหน้าต่างที่ดีขึ้น |
4.1 - 4.3 | Jelly Bean | 9 กรกฎาคม 2012 | Google Now, Project Butter สำหรับ UI ที่ลื่นไหล และการแจ้งเตือนที่สามารถขยายได้ |
4.4 | KitKat | 31 ตุลาคม 2013 | ปรับให้เหมาะสมกับอุปกรณ์สเปคต่ำ โหมด Immersive และการผสานรวม Google Now ที่ดีขึ้น |
5.0 - 5.1 | Lollipop | 12 พฤศจิกายน 2014 | เปิดตัว Material Design ปรับปรุงการแจ้งเตือน และรองรับการใช้งานหลายบัญชีบนโทรศัพท์ |
6.0 | Marshmallow | 5 ตุลาคม 2015 | รูปแบบการอนุญาตแอป รองรับเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ และโหมด Doze เพื่อประหยัดพลังงาน |
7.0 - 7.1 | Nougat | 22 สิงหาคม 2016 | รองรับการทำงานแบบหลายหน้าต่าง ปรับปรุง Doze และเพิ่มการตั้งค่าด่วนที่ดียิ่งขึ้น |
8.0 - 8.1 | Oreo | 21 สิงหาคม 2017 | โหมดภาพซ้อนภาพ ช่องการแจ้งเตือน และ Android Go สำหรับอุปกรณ์สเปคต่ำ |
9.0 | Pie | 6 สิงหาคม 2018 | ปรับปรุงการใช้พลังงานและความสว่าง การนำทางด้วยท่าทาง และคุณสมบัติ Digital Wellbeing |
10 | Queen Cake | 3 กันยายน 2019 | ธีมมืดทั้งระบบ การควบคุมความเป็นส่วนตัวที่ดีขึ้น และโหมดโฟกัส |
11 | Red Velvet Cake | 8 กันยายน 2020 | การแจ้งเตือนที่ดีขึ้น การบันทึกหน้าจอในตัว และการแจ้งเตือนแบบฟอง |
12 | Snow Cone | 4 ตุลาคม 2021 | การออกแบบ Material You ปรับปรุงคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัว และการตอบสนองแบบสัมผัสที่ดีขึ้น |
13 | Triamisu | 15 สิงหาคม 2022 | การขออนุญาตของแอปที่ดีขึ้น การควบคุมสื่อใหม่ และการสนับสนุนแท็บเล็ตที่ดีขึ้น |
14 | Upside Down Cake | 4 ตุลาคม 2023 | การปรับแต่งที่มากขึ้น การแสดงตัวอย่างการกดย้อนกลับ และการสตรีมแอปพลิเคชัน |
15 | ไม่มีชื่อเรียก | ยังไม่ประกาศ | ยังไม่ประกาศ พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ |
การตั้งชื่อเฉพาะในแต่ละเวอร์ชันของ Android OS มีวัตถุประสงค์หลักๆ ดังนี้:
ชื่อขนมหวานที่น่ารักและน่าสนใจสร้างความเป็นเอกลักษณ์และความสนุกสนานให้กับแบรนด์ Android โดยแต่ละเวอร์ชันจะถูกตั้งชื่อตามตัวอักษร A ถึง Z (ยกเว้นบางตัวอักษร) ตามลำดับ เช่น Cupcake, Donut, Eclair, Froyo ซึ่งสร้างความรู้สึกเหมือนมีเรื่องราวต่อเนื่องกัน การตั้งชื่อแบบนี้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองและเป็นมิตร ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้มากขึ้น
การใช้ชื่อเฉพาะสำหรับแต่ละเวอร์ชันช่วยให้ Google และผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถสื่อสารเกี่ยวกับฟีเจอร์หรือการอัปเดตต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ตัวอย่างเช่น การบอกผู้ใช้ว่าอุปกรณ์จะได้รับการอัปเดตเป็น Android "KitKat" ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงเวอร์ชัน 4.4 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ต่างจาก Android "Jelly Bean" เวอร์ชัน 4.1-4.3 ชื่อขนมเหล่านี้ยังถูกนำไปใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้มากขึ้น เช่น ความร่วมมือระหว่าง Google และ Nestlé ในการโปรโมต Android KitKat
สำหรับนักพัฒนา การใช้ชื่อเฉพาะทำให้การอ้างอิงและการพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือการแก้ไขบัคเป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น การระบุว่าแอปพลิเคชันนี้รองรับตั้งแต่ Android "Nougat" ขึ้นไปก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงเวอร์ชัน 7.0 เป็นต้นไป การตั้งชื่อเฉพาะนี้ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันกับเวอร์ชันต่างๆ ของ Android ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
1. สร้างความจดจำและการเชื่อมโยงที่ง่ายขึ้น
การใช้ชื่อเรียกที่เป็นขนมหวานทำให้เวอร์ชันของ Android โดดเด่นและจดจำได้ง่าย ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมโยงชื่อขนมหวานเหล่านั้นกับคุณลักษณะหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับเวอร์ชันนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน การใช้ชื่อแบบนี้จึงทำให้การสื่อสารเกี่ยวกับการอัปเดตหรือคุณสมบัติใหม่ๆ ในระบบปฏิบัติการนั้นๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้นทั้งในหมู่ผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนา
2. สร้างความสนุกสนานและเสริมสร้างแบรนด์
ชื่อขนมหวานที่น่ารักและน่าสนใจสร้างความเป็นเอกลักษณ์และความสนุกสนานให้กับแบรนด์ Android โดยแต่ละเวอร์ชันจะถูกตั้งชื่อตามตัวอักษร A ถึง Z (ยกเว้นบางตัวอักษร) ตามลำดับ เช่น Cupcake, Donut, Eclair, Froyo ซึ่งสร้างความรู้สึกเหมือนมีเรื่องราวต่อเนื่องกัน การตั้งชื่อแบบนี้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองและเป็นมิตร ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้มากขึ้น
3. สะดวกในการสื่อสารและการตลาด
การใช้ชื่อเฉพาะสำหรับแต่ละเวอร์ชันช่วยให้ Google และผู้ผลิตอุปกรณ์สามารถสื่อสารเกี่ยวกับฟีเจอร์หรือการอัปเดตต่างๆ ได้สะดวกขึ้น ตัวอย่างเช่น การบอกผู้ใช้ว่าอุปกรณ์จะได้รับการอัปเดตเป็น Android "KitKat" ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงเวอร์ชัน 4.4 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ต่างจาก Android "Jelly Bean" เวอร์ชัน 4.1-4.3 ชื่อขนมเหล่านี้ยังถูกนำไปใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้มากขึ้น เช่น ความร่วมมือระหว่าง Google และ Nestlé ในการโปรโมต Android KitKat
4. การแบ่งแยกเวอร์ชันเพื่ออ้างอิงและพัฒนา
สำหรับนักพัฒนา การใช้ชื่อเฉพาะทำให้การอ้างอิงและการพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือการแก้ไขบัคเป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น การระบุว่าแอปพลิเคชันนี้รองรับตั้งแต่ Android "Nougat" ขึ้นไปก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงเวอร์ชัน 7.0 เป็นต้นไป การตั้งชื่อเฉพาะนี้ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันกับเวอร์ชันต่างๆ ของ Android ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ของแถม ใครสนใจจับ Android แต่งตัว สามารถเข้าไปเล่นได้ที่เว็บไซต์ Android โดยตรง คลิกที่นี่
บทสรุป Android แต่ละเวอร์ชันมีชื่อเรียกเฉพาะที่น่าสนุกและน่าจดจำ โดยส่วนใหญ่ใช้ชื่อขนม เช่น Cupcake, Donut, และ Lollipop สร้างความน่าสนใจและความเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ใช้จำได้ง่ายและมีความรู้สึกเป็นกันเอง