ตรวจสอบอายุแบตฯ iPhone

Battery iPhone

แบตเตอรี่ คือหัวใจสำคัญของการใช้งาน iPhone เพราะต่อให้เครื่องแรง กล้องดี แต่ถ้าแบตหมดเร็วก็ใช้งานได้ไม่เต็มที่อยู่ดี หลายคนเริ่มสังเกตว่า “ทำไมแบตหมดไวขึ้น?” หรือ “ต้องชาร์จบ่อยกว่าตอนซื้อใหม่” 

แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วแบตเสื่อมไปแค่ไหน หรือควรเปลี่ยนหรือยัง ในความเป็นจริง Apple มีเมนูให้เราตรวจสอบสุขภาพแบตได้ง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน แถมในปี 2025 ยังมีฟีเจอร์ช่วยถนอมแบตมากขึ้น ไม่ต้องเป็นสายเทคนิคก็เช็กเองได้สบาย ๆ 

บทความนี้จะพาคุณดูวิธีตรวจสอบอายุแบต iPhone แบบทีละขั้นตอน บอกตัวเลขคร่าว ๆ ว่าแปลว่าแบตยังดีหรือควรเปลี่ยนแล้ว พร้อมแนะนำวิธีใช้งานและการชาร์จที่ช่วยยืดอายุแบตให้ใช้ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่อยากให้ iPhone อยู่กับเราได้นาน คุ้มค่า และปลอดภัยมากขึ้น

แบตเตอรี่ iPhone เสื่อมเป็นเรื่องปกติ

แบตฯ ของ iPhone เป็นแบบลิเธียมไอออน ซึ่งมีข้อดีคือชาร์จไว น้ำหนักเบา และปล่อยพลังงานได้สม่ำเสมอ แต่ก็มีข้อเท็จจริงที่ต้องเข้าใจคือ แบตทุกก้อน “เสื่อมตามเวลาและการใช้งาน” ไม่ว่าเราจะชาร์จบ่อย ใช้งานทั้งวัน เล่นเกม หรือดูโซเชียลยาว ๆ เมื่อใช้ไปสัก 2–3 ปี ความอึดของแบตจะลดลงเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แปลว่าเครื่องพัง แต่หมายความว่าแบตเริ่มทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนตอนเครื่องใหม่

ดังนั้น ถ้าวันหนึ่งคุณเริ่มรู้สึกว่าแบตหมดไวขึ้น ไม่ต้องตกใจไปก่อน ให้เริ่มจากการเช็กสุขภาพแบตในเมนูที่ Apple เตรียมไว้ให้ก่อน เพื่อดูว่าตอนนี้แบตยังโอเคหรือถึงเวลาควรเปลี่ยนแล้ว

วิธีเช็กอายุแบตฯ บน iPhone (เมนูอัปเดตปี 2025)

ใน iOS รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025 Apple ปรับเมนูแบตให้เข้าใจง่ายขึ้น การเช็กทำได้ตามนี้:

  • เปิด Settings (การตั้งค่า)
  • เลือก Battery (แบตเตอรี่)
  • แตะ Battery Health & Charging

เมื่อเข้ามาแล้ว คุณจะเห็นข้อมูลสำคัญ เช่น:

  • Maximum Capacity (%) – ตัวเลขบอกว่าแบตตอนนี้เหลือประสิทธิภาพอยู่กี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตอนเป็นเครื่องใหม่
  • Peak Performance – บอกว่าเครื่องยังทำงานเต็มกำลังหรือเริ่มมีการจำกัดความแรงเพราะแบตเสื่อม
  • Optimized Charging / Limit to 80% – ฟีเจอร์ช่วยถนอมแบตโดยไม่ชาร์จเต็ม 100% ตลอดเวลา

ใน iPhone รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025 จะมีตัวเลือกจำกัดการชาร์จไว้ราว ๆ 80% เพื่อช่วยลดความร้อนและชะลอการเสื่อมของแบต เหมาะกับคนที่ชาร์จค้างไว้ตอนกลางคืนบ่อย ๆ

ตัวเลขแบตฯ แบบง่าย ๆ: ยังดี – เริ่มเสื่อม – ต้องเปลี่ยน

ถ้าไม่อยากตีความเยอะ สามารถดูแบบง่าย ๆ ได้ดังนี้:

  • 85–100% = แบตยังดี
    ใช้งานได้เต็มที่ แบตไม่ได้หมดเร็วผิดปกติ ไม่มีข้อความเตือนอะไรเป็นพิเศษ
  • 80–84% = แบตเริ่มเสื่อม
    เริ่มรู้สึกว่าแบตหมดไวขึ้น ต้องชาร์จบ่อยขึ้น แต่ยังใช้งานได้ตามปกติ
  • ต่ำกว่า 80% = ควรเปลี่ยนแบต
    Apple แนะนำให้เปลี่ยน เพราะประสิทธิภาพลดลงชัดเจน และอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่อง

ถ้าตัวเลขต่ำกว่า 80% และมีข้อความแจ้งว่าให้ Service หรือ Battery health degraded นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่าควรนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตได้แล้ว เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นและปลอดภัยเหมือนเดิม

อาการที่บอกว่าแบตเสื่อม แม้ตัวเลขยังดูดี

บางครั้งตัวเลขยังสูง แต่ใช้จริงกลับรู้สึกว่าเครื่องไม่อึดเหมือนเดิม ลองเช็กจากอาการเหล่านี้:

  • แบตลดเร็วมาก ทั้งที่แค่เล่นโซเชียล หรือแชทปกติ
  • เครื่องร้อนบ่อย โดยเฉพาะตอนชาร์จหรือเล่นเกม
  • เปอร์เซ็นต์แบตหายทีละ 5–10% ในเวลาไม่นาน
  • เครื่องดับเอง ทั้งที่ยังมีแบตเหลือ
  • ชาร์จเต็มช้า แต่หมดไวผิดปกติ

ถ้าเจออาการแบบนี้ร่วมกับตัวเลขความจุแบตต่ำกว่า 85% ถือว่าแบตเริ่มไม่ไหวแล้ว อาจต้องเริ่มคิดเรื่องเปลี่ยนแบต โดยเฉพาะถ้าใช้เครื่องทำงานหรือจำเป็นต้องพกออกนอกบ้านทั้งวัน

วิธีดูว่าแบตแท้หรือเคยเปลี่ยนแบตมาแล้ว

ใน iPhone รุ่นใหม่ ๆ Apple มีข้อมูลบอกว่าชิ้นส่วนในเครื่องเป็นของแท้จากโรงงานหรือไม่ เหมาะมากสำหรับคนที่คิดจะซื้อเครื่องมือสอง

วิธีดู:

  • ไปที่ Settings > General > About

ถ้าเครื่องเคยเปลี่ยนแบต จะมีข้อความขึ้นประมาณว่า:

  • Genuine Apple Part = ใช้อะไหล่แท้จาก Apple
  • Unknown Part = เป็นชิ้นส่วนที่ Apple ไม่รู้จัก หรือเป็นอะไหล่จากร้านนอก

ข้อมูลนี้ช่วยให้เช็กได้คร่าว ๆ ว่าเครื่องเคยซ่อมหรือเปลี่ยนแบตมาก่อนหรือไม่ โดยเฉพาะตอนเลือกซื้อเครื่องต่อจากคนอื่น

วิธีใช้ iPhone ให้แบตอยู่ได้นานขึ้น

ต่อไปนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้แบตอยู่กับคุณได้นานขึ้นแบบไม่ต้องใช้ความรู้เทคนิคมาก:

1. เลี่ยงความร้อน

  • อย่าวาง iPhone ไว้ในรถที่จอดกลางแดด
  • ถ้าเล่นเกมหนัก ๆ แล้วเครื่องร้อนมาก ควรพักเครื่องสักครู่
  • ถ้าชาร์จแล้วรู้สึกว่าเครื่องร้อนจัด ลองถอดเคสออกชั่วคราว

2. ไม่จำเป็นต้องชาร์จ 100% ตลอด

  • ถ้าเปิดฟีเจอร์ Optimized Charging หรือจำกัดการชาร์จที่ 80% ให้เปิดใช้งานไว้
  • ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จ

3. อย่าปล่อยให้แบตเหลือน้อยมากบ่อย ๆ

  • พยายามชาร์จเมื่อแบตเหลือราว ๆ 20–30%
  • ไม่ควรปล่อยให้เหลือต่ำกว่า 10% บ่อย ๆ เพราะไม่ดีต่ออายุแบตในระยะยาว

4. ใช้สายและหัวชาร์จที่ได้มาตรฐาน

  • เลือกใช้สายที่มีมาตรฐาน หรือมีโลโก้รับรอง
  • หลีกเลี่ยงสายชาร์จราคาถูก คุณภาพต่ำ เพราะอาจจ่ายไฟไม่นิ่ง ทำให้แบตเสื่อมเร็วหรือเสี่ยงต่อวงจรเครื่อง

5. ปรับการตั้งค่าที่กินแบต

  • ลดความสว่างหน้าจอให้พอดี ไม่ต้องสว่างสุดตลอดเวลา
  • ปิดการค้นหาตำแหน่งแบบ Always แล้วเปลี่ยนเป็น While Using สำหรับบางแอป
  • ปิดฟังก์ชันที่ไม่ใช้ เช่น Bluetooth หรือ Hotspot เมื่อไม่จำเป็น

6. การชาร์จไร้สาย

การชาร์จแบบไร้สายหรือ MagSafe สะดวกมาก แต่ทำให้เครื่องร้อนกว่าการชาร์จด้วยสายปกติ ถ้าต้องการถนอมแบตในระยะยาว แนะนำให้ใช้สายชาร์จเป็นหลัก แล้วใช้ชาร์จไร้สายเฉพาะตอนที่ต้องการความสะดวกจริง ๆ


เปลี่ยนแบตที่ไหนดีในปี 2025

ถ้าตัดสินใจแล้วว่าต้องเปลี่ยนแบต มีตัวเลือกหลัก ๆ ดังนี้:

1) ศูนย์ Apple หรือศูนย์บริการที่ได้รับรอง (AASP)

  • ใช้แบตแท้ คุณภาพตามมาตรฐาน
  • ปลอดภัย และมีประกันหลังการเปลี่ยน
  • เหมาะกับเครื่องรุ่นใหม่ หรือเครื่องที่ยังมีมูลค่าใช้งานสูง

2) ร้านนอกที่น่าเชื่อถือ

  • ค่าใช้จ่ายอาจถูกกว่าศูนย์
  • คุณภาพแบตขึ้นอยู่กับร้านและเกรดอะไหล่
  • เหมาะกับเครื่องที่ใช้มาหลายปีแล้ว ไม่อยากลงทุนเยอะ


สรุปตัวเลขแบตแบบเข้าใจง่าย

  • 95–100% = แทบไม่ต่างจากเครื่องใหม่
  • 90–94% = ยังดี ใช้งานสบาย ไม่ต้องคิดมาก
  • 85–89% = เริ่มเสื่อม แต่ยังใช้งานได้ปกติ
  • 80–84% = เสื่อมชัดเจน เริ่มคิดเรื่องเปลี่ยนได้
  • ต่ำกว่า 80% = ควรเปลี่ยนแบตตามคำแนะนำของ Apple