แบตเตอรี่ iPhone เสื่อมเป็นเรื่องปกติ
แบตฯ ของ iPhone เป็นแบบลิเธียมไอออน ซึ่งมีข้อดีคือชาร์จไว น้ำหนักเบา และปล่อยพลังงานได้สม่ำเสมอ แต่ก็มีข้อเท็จจริงที่ต้องเข้าใจคือ แบตทุกก้อน “เสื่อมตามเวลาและการใช้งาน” ไม่ว่าเราจะชาร์จบ่อย ใช้งานทั้งวัน เล่นเกม หรือดูโซเชียลยาว ๆ เมื่อใช้ไปสัก 2–3 ปี ความอึดของแบตจะลดลงเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แปลว่าเครื่องพัง แต่หมายความว่าแบตเริ่มทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนตอนเครื่องใหม่
ดังนั้น ถ้าวันหนึ่งคุณเริ่มรู้สึกว่าแบตหมดไวขึ้น ไม่ต้องตกใจไปก่อน ให้เริ่มจากการเช็กสุขภาพแบตในเมนูที่ Apple เตรียมไว้ให้ก่อน
เพื่อดูว่าตอนนี้แบตยังโอเคหรือถึงเวลาควรเปลี่ยนแล้ว
วิธีเช็กอายุแบตฯ บน iPhone (เมนูอัปเดตปี 2025)
ใน iOS รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025 Apple ปรับเมนูแบตให้เข้าใจง่ายขึ้น การเช็กทำได้ตามนี้:
- เปิด Settings (การตั้งค่า)
- เลือก Battery (แบตเตอรี่)
- แตะ Battery Health & Charging
เมื่อเข้ามาแล้ว คุณจะเห็นข้อมูลสำคัญ เช่น:
- Maximum Capacity (%) – ตัวเลขบอกว่าแบตตอนนี้เหลือประสิทธิภาพอยู่กี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตอนเป็นเครื่องใหม่
- Peak Performance – บอกว่าเครื่องยังทำงานเต็มกำลังหรือเริ่มมีการจำกัดความแรงเพราะแบตเสื่อม
- Optimized Charging / Limit to 80% – ฟีเจอร์ช่วยถนอมแบตโดยไม่ชาร์จเต็ม 100% ตลอดเวลา
ใน iPhone รุ่นใหม่ ๆ ปี 2025 จะมีตัวเลือกจำกัดการชาร์จไว้ราว ๆ 80% เพื่อช่วยลดความร้อนและชะลอการเสื่อมของแบต เหมาะกับคนที่ชาร์จค้างไว้ตอนกลางคืนบ่อย ๆ
ตัวเลขแบตฯ แบบง่าย ๆ: ยังดี – เริ่มเสื่อม – ต้องเปลี่ยน
ถ้าไม่อยากตีความเยอะ สามารถดูแบบง่าย ๆ ได้ดังนี้:
- 85–100% = แบตยังดี
ใช้งานได้เต็มที่ แบตไม่ได้หมดเร็วผิดปกติ ไม่มีข้อความเตือนอะไรเป็นพิเศษ - 80–84% = แบตเริ่มเสื่อม
เริ่มรู้สึกว่าแบตหมดไวขึ้น ต้องชาร์จบ่อยขึ้น แต่ยังใช้งานได้ตามปกติ - ต่ำกว่า 80% = ควรเปลี่ยนแบต
Apple แนะนำให้เปลี่ยน เพราะประสิทธิภาพลดลงชัดเจน และอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่อง
ถ้าตัวเลขต่ำกว่า 80% และมีข้อความแจ้งว่าให้ Service หรือ Battery health degraded
นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่าควรนำเครื่องไปเปลี่ยนแบตได้แล้ว เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นและปลอดภัยเหมือนเดิม
อาการที่บอกว่าแบตเสื่อม แม้ตัวเลขยังดูดี
บางครั้งตัวเลขยังสูง แต่ใช้จริงกลับรู้สึกว่าเครื่องไม่อึดเหมือนเดิม ลองเช็กจากอาการเหล่านี้:
- แบตลดเร็วมาก ทั้งที่แค่เล่นโซเชียล หรือแชทปกติ
- เครื่องร้อนบ่อย โดยเฉพาะตอนชาร์จหรือเล่นเกม
- เปอร์เซ็นต์แบตหายทีละ 5–10% ในเวลาไม่นาน
- เครื่องดับเอง ทั้งที่ยังมีแบตเหลือ
- ชาร์จเต็มช้า แต่หมดไวผิดปกติ
ถ้าเจออาการแบบนี้ร่วมกับตัวเลขความจุแบตต่ำกว่า 85% ถือว่าแบตเริ่มไม่ไหวแล้ว อาจต้องเริ่มคิดเรื่องเปลี่ยนแบต
โดยเฉพาะถ้าใช้เครื่องทำงานหรือจำเป็นต้องพกออกนอกบ้านทั้งวัน
วิธีดูว่าแบตแท้หรือเคยเปลี่ยนแบตมาแล้ว
ใน iPhone รุ่นใหม่ ๆ Apple มีข้อมูลบอกว่าชิ้นส่วนในเครื่องเป็นของแท้จากโรงงานหรือไม่ เหมาะมากสำหรับคนที่คิดจะซื้อเครื่องมือสอง
วิธีดู:
- ไปที่ Settings > General > About
ถ้าเครื่องเคยเปลี่ยนแบต จะมีข้อความขึ้นประมาณว่า:
- Genuine Apple Part = ใช้อะไหล่แท้จาก Apple
- Unknown Part = เป็นชิ้นส่วนที่ Apple ไม่รู้จัก หรือเป็นอะไหล่จากร้านนอก
ข้อมูลนี้ช่วยให้เช็กได้คร่าว ๆ ว่าเครื่องเคยซ่อมหรือเปลี่ยนแบตมาก่อนหรือไม่ โดยเฉพาะตอนเลือกซื้อเครื่องต่อจากคนอื่น
วิธีใช้ iPhone ให้แบตอยู่ได้นานขึ้น
ต่อไปนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้แบตอยู่กับคุณได้นานขึ้นแบบไม่ต้องใช้ความรู้เทคนิคมาก:
1. เลี่ยงความร้อน
- อย่าวาง iPhone ไว้ในรถที่จอดกลางแดด
- ถ้าเล่นเกมหนัก ๆ แล้วเครื่องร้อนมาก ควรพักเครื่องสักครู่
- ถ้าชาร์จแล้วรู้สึกว่าเครื่องร้อนจัด ลองถอดเคสออกชั่วคราว
2. ไม่จำเป็นต้องชาร์จ 100% ตลอด
- ถ้าเปิดฟีเจอร์ Optimized Charging หรือจำกัดการชาร์จที่ 80% ให้เปิดใช้งานไว้
- ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จ
3. อย่าปล่อยให้แบตเหลือน้อยมากบ่อย ๆ
- พยายามชาร์จเมื่อแบตเหลือราว ๆ 20–30%
- ไม่ควรปล่อยให้เหลือต่ำกว่า 10% บ่อย ๆ เพราะไม่ดีต่ออายุแบตในระยะยาว
4. ใช้สายและหัวชาร์จที่ได้มาตรฐาน
- เลือกใช้สายที่มีมาตรฐาน หรือมีโลโก้รับรอง
- หลีกเลี่ยงสายชาร์จราคาถูก คุณภาพต่ำ เพราะอาจจ่ายไฟไม่นิ่ง ทำให้แบตเสื่อมเร็วหรือเสี่ยงต่อวงจรเครื่อง
5. ปรับการตั้งค่าที่กินแบต
- ลดความสว่างหน้าจอให้พอดี ไม่ต้องสว่างสุดตลอดเวลา
- ปิดการค้นหาตำแหน่งแบบ Always แล้วเปลี่ยนเป็น While Using สำหรับบางแอป
- ปิดฟังก์ชันที่ไม่ใช้ เช่น Bluetooth หรือ Hotspot เมื่อไม่จำเป็น
6. การชาร์จไร้สาย
การชาร์จแบบไร้สายหรือ MagSafe สะดวกมาก แต่ทำให้เครื่องร้อนกว่าการชาร์จด้วยสายปกติ ถ้าต้องการถนอมแบตในระยะยาว แนะนำให้ใช้สายชาร์จเป็นหลัก แล้วใช้ชาร์จไร้สายเฉพาะตอนที่ต้องการความสะดวกจริง ๆ
เปลี่ยนแบตที่ไหนดีในปี 2025
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าต้องเปลี่ยนแบต มีตัวเลือกหลัก ๆ ดังนี้:
1) ศูนย์ Apple หรือศูนย์บริการที่ได้รับรอง (AASP)
- ใช้แบตแท้ คุณภาพตามมาตรฐาน
- ปลอดภัย และมีประกันหลังการเปลี่ยน
- เหมาะกับเครื่องรุ่นใหม่ หรือเครื่องที่ยังมีมูลค่าใช้งานสูง
2) ร้านนอกที่น่าเชื่อถือ
- ค่าใช้จ่ายอาจถูกกว่าศูนย์
- คุณภาพแบตขึ้นอยู่กับร้านและเกรดอะไหล่
- เหมาะกับเครื่องที่ใช้มาหลายปีแล้ว ไม่อยากลงทุนเยอะ
สรุปตัวเลขแบตแบบเข้าใจง่าย
- 95–100% = แทบไม่ต่างจากเครื่องใหม่
- 90–94% = ยังดี ใช้งานสบาย ไม่ต้องคิดมาก
- 85–89% = เริ่มเสื่อม แต่ยังใช้งานได้ปกติ
- 80–84% = เสื่อมชัดเจน เริ่มคิดเรื่องเปลี่ยนได้
- ต่ำกว่า 80% = ควรเปลี่ยนแบตตามคำแนะนำของ Apple


Social Plugin