อีเมลปลอม (Phishing Email) คืออะไร?
อีเมลปลอมคืออีเมลที่ถูกสร้างขึ้นโดยมิจฉาชีพ เพื่อหลอกให้ผู้รับทำบางอย่างโดยเข้าใจว่าเป็นอีเมลจากหน่วยงานจริง เช่น ธนาคาร บริษัทขนส่ง แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ หรือแม้แต่เจ้านายในที่ทำงาน เป้าหมายหลักคือ
- หลอกขอรหัสผ่านหรือข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต
- หลอกให้โอนเงินหรือเปลี่ยนบัญชีปลายทาง
- หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่มีไวรัสหรือมัลแวร์
- หลอกให้คลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอมที่หน้าตาคล้ายของจริง
จุดอันตรายคืออีเมลปลอมในปัจจุบันทำได้แนบเนียนขึ้นมาก ทั้งโลโก้ ภาษา และรูปแบบอีเมล จนหลายคนแยกไม่ออกหากไม่ตรวจสอบให้ดี
1. ตรวจสอบชื่อผู้ส่ง (From:) ให้ละเอียด
หลายคนมักดูแค่ “ชื่อ” ที่แสดง เช่น “SCB”, “IT Support”, “HR Department” แต่ในความจริงแล้ว ชื่อเหล่านี้เปลี่ยนได้ง่ายมาก สิ่งที่ต้องดูจริง ๆ คือ “ที่อยู่อีเมล” หรือ Email Address ที่อยู่หลังเครื่องหมาย < > หรือในวงเล็บ
- ถ้าเป็นธนาคารหรือบริษัทใหญ่ โดเมนควรเป็นของจริง เช่น
@scb.co.th,@kbank.co.th,@google.com - ถ้าเป็นโดเมนแปลก ๆ เช่น
@scb-thailand.com,@secure-scb.comหรือมีตัวสะกดผิด ให้สงสัยไว้ก่อน - ระวังการสลับตัวอักษร เช่น ใช้ตัว l แทน i หรือใช้ตัวเลขแทนตัวอักษร
- หากอีเมลสำคัญจาก “ธนาคาร” แต่ใช้ Gmail หรือ Hotmail เช่น
@gmail.comให้ตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนเชื่อ
2. ดูโทนภาษาและเนื้อหาในอีเมล
อีเมลปลอมมักใช้ข้อความที่ทำให้ผู้รับรู้สึกกลัว รีบตัดสินใจ หรือดีใจเกินจริง เช่น
- “บัญชีของคุณจะถูกระงับ หากไม่ยืนยันภายใน 24 ชั่วโมง”
- “คุณได้รับเงินคืน คลิกที่นี่เพื่อรับเงินทันที”
- “พบการเข้าสู่ระบบผิดปกติ โปรดรีเซ็ตรหัสผ่านด่วน”
สิ่งที่ควรสังเกตคือ
- ภาษาเขียนไม่เป็นทางการ หรือผิดสไตล์จากอีเมลที่เคยได้รับจากองค์กรนั้น ๆ
- สะกดคำผิดบ่อย ๆ หรือใช้ภาษาแปลก ๆ คล้ายแปลจากเครื่อง
- ไม่มีรายละเอียดชัดเจน แต่เน้นให้คลิกหรือตอบกลับอย่างเดียว
- มีการเร่งให้ทำทันที ใช้คำพูดกดดันหรือข่มขู่
3. ตรวจลิงก์ก่อนคลิก (Hover ไม่คลิก)
ลิงก์ในอีเมลเป็นเครื่องมือหลักที่มิจฉาชีพใช้พาเหยื่อไปยังเว็บไซต์ปลอม แม้ข้อความลิงก์จะเขียนว่า “คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ระบบธนาคาร” แต่ปลายทางอาจไม่ใช่เว็บไซต์จริงของธนาคาร
วิธีตรวจแบบง่าย ๆ
- ใช้เมาส์เลื่อนชี้ (Hover) ที่ลิงก์ แต่ยังไม่ต้องคลิก
- สังเกต URL ที่แสดงด้านล่างเบราว์เซอร์หรือป๊อปอัปเล็ก ๆ
- ดูว่าโดเมนตรงกับของจริงหรือไม่ เช่น ธนาคารควรเป็น
xxxbank.co.thไม่ใช่โดเมนแปลก ๆ - ระวังลิงก์ที่ยาวผิดปกติ หรือมีตัวอักษรสุ่มจำนวนมาก
สำหรับลิงก์ย่อ (เช่น bit.ly, tinyurl) หากไม่ได้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรเลี่ยงการคลิก หรือใช้บริการขยายลิงก์ตรวจสอบก่อน
4. ระวังไฟล์แนบ (Attachment) เป็นพิเศษ
ไฟล์แนบในอีเมลปลอมมักถูกใช้เพื่อติดตั้งไวรัสหรือมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ โดยเฉพาะไฟล์ที่ปลอมตัวเป็นเอกสารงานหรือใบแจ้งหนี้
ตัวอย่างไฟล์ที่ควรระวัง
- ไฟล์ .exe, .bat, .cmd (ไฟล์สั่งรันโปรแกรม)
- ไฟล์ .zip, .rar ที่ไม่รู้ที่มา
- ไฟล์ Office ที่มี Macro เช่น .docm, .xlsm
- ไฟล์ PDF ที่แนบมาโดยไม่มีคำอธิบาย หรือส่งจากคนที่ไม่รู้จัก
แนวทางปฏิบัติ
- อย่าเปิดไฟล์แนบจากคนแปลกหน้าหรืออีเมลที่น่าสงสัย
- หากอ้างว่าเป็นเอกสารจากฝ่ายบัญชี/HR ให้โทรหรือแชตยืนยันกับเจ้าหน้าที่ก่อน
- ใช้โปรแกรมสแกนไวรัสที่อัปเดตเสมอ และสแกนไฟล์ก่อนเปิด
5. ตรวจ Email Header (เหมาะกับผู้ใช้ระดับกลาง–สูง)
Email Header คือข้อมูลเบื้องหลังอีเมลที่บอกว่าอีเมลถูกส่งมาจากที่ใด ผ่านเซิร์ฟเวอร์ไหน และมีการยืนยันตัวตนผ่านเทคโนโลยีใดบ้าง เช่น SPF, DKIM, DMARC
ตัวอย่างวิธีเปิด Header
- Gmail: คลิกเมนูสามจุด > เลือก “แสดงต้นฉบับ” (Show original)
- Outlook: เลือก “View message source” หรือ “เมสเสจออปชัน” ตามเวอร์ชัน
จุดที่ควรดูใน Header
- SPF: ควรเป็น PASS หากมาจากโดเมนที่ได้รับอนุญาตจริง
- DKIM: ควรมีการ SIGNED จากโดเมนต้นทาง
- DMARC: ช่วยยืนยันว่าผู้ส่งไม่ถูกปลอมแปลงง่าย ๆ
ถ้า SPF/DKIM/DMARC ไม่ผ่าน หรือแสดงเป็น FAIL มีโอกาสสูงว่าอีเมลฉบับนั้นไม่ปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบทันที
6. เปรียบเทียบกับอีเมลของจริงที่เคยได้รับ
หน่วยงานใหญ่ เช่น ธนาคาร ค่ายมือถือ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ มักมีรูปแบบอีเมลที่ค่อนข้างคงที่ เช่น โทนสี โลโก้ ลายเซ็น หรือรูปแบบการลงชื่อท้ายอีเมล การเปรียบเทียบกับอีเมลเก่าที่มั่นใจว่าเป็นของจริงจะช่วยให้จับความผิดปกติได้ง่ายขึ้น
- โลโก้เบลอ หรือดีไซน์ไม่เหมือนเดิม
- ลายเซ็นเปลี่ยนไปแบบแปลก ๆ
- ภาษาในอีเมลดูไม่เป็นมืออาชีพเท่าของเดิม
7. ใช้บริการช่วยตรวจสอบ URL และโดเมน
หากไม่แน่ใจในลิงก์หรือโดเมนที่ปรากฏในอีเมล สามารถใช้บริการออนไลน์ช่วยตรวจสอบเบื้องต้นได้ เช่น
- บริการสแกน URL และไฟล์ เช่น VirusTotal
- บริการเช็คความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้เป็นเพียงตัวช่วย ไม่ควรใช้เป็นตัวตัดสิน 100% การใช้วิจารณญาณและการตรวจสอบด้วยตนเองยังคงสำคัญที่สุด
8. หลีกเลี่ยงการตอบกลับอีเมลต้องสงสัย
หากสงสัยว่าอีเมลฉบับใดเป็นอีเมลปลอม ไม่ควรตอบกลับ เพราะการตอบกลับอาจทำให้มิจฉาชีพรู้ว่าอีเมลของเรายังใช้งานอยู่ และอาจถูกนำไปขายต่อหรือใช้ส่งสแปมเพิ่มขึ้นในอนาคต
9. ตรวจสอบกับต้นทางโดยตรง
หากอีเมลเกี่ยวข้องกับเงิน เช่น การเปลี่ยนบัญชีโอนเงิน การแจ้งยอดโอน หรือคำสั่งเร่งด่วนจากผู้บริหาร ควรตรวจสอบกับต้นทางผ่านช่องทางอื่นทันที เช่น โทรศัพท์ แชตภายใน หรืออีเมลที่เคยใช้ติดต่อกันจริง ๆ และไม่ใช้ข้อมูลติดต่อที่อยู่ในอีเมลฉบับต้องสงสัย
10. ตัวอย่างสถานการณ์อีเมลปลอมที่เจอบ่อย
- อีเมลจากธนาคาร: แจ้งว่าบัญชีถูกล็อก ขอให้คลิกลิงก์เพื่อยืนยันตัวตน
- อีเมลจากบริษัทขนส่ง: แจ้งว่ามีพัสดุคงค้าง ต้องจ่ายค่าขนส่งเพิ่มผ่านลิงก์
- อีเมลจาก “เจ้านาย”: ขอให้โอนเงินด่วน หรือซื้อบัตรของขวัญแบบเติมเงิน
- อีเมลจากแพลตฟอร์มออนไลน์: แจ้งว่ามีการล็อกอินผิดปกติ ขอให้รีเซ็ตรหัสผ่านผ่านลิงก์ในอีเมล
11. แนวทางสำหรับองค์กรและธุรกิจ
สำหรับองค์กร ธุรกิจ หรือโรงแรมที่ใช้ Email เป็นหลักในการติดต่อกับลูกค้าและพนักงาน ควรมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติม
ด้านเทคนิค
- ตั้งค่า SPF, DKIM, DMARC ให้ถูกต้องบนโดเมนขององค์กร
- ใช้ระบบ Email Security หรือ Gateway กรองสแปมและฟิชชิง
- เปิดใช้ฟีเจอร์ป้องกันลิงก์อันตราย เช่น Safe Links
- กำหนดนโยบายบล็อกไฟล์แนบที่เสี่ยงสูง
ด้านบุคลากร
- จัดอบรมพนักงานให้รู้จักอีเมลปลอมและตัวอย่างเคสจริง
- ทำ Phishing Simulation ทดสอบความพร้อมของพนักงาน
- กำหนดขั้นตอนอนุมัติการโอนเงินที่ต้องมีมากกว่า 1 คน
12. กฎ 5 ข้อเช็คอีเมลปลอมแบบเร็ว ๆ
หากไม่มีเวลาอ่านละเอียด ลองใช้กฎง่าย ๆ เหล่านี้ช่วยกรองเบื้องต้น:
- ดูโดเมนผู้ส่งให้ดี ไม่ใช่แค่ชื่อ
- ถ้าเนื้อหาขู่หรือเร่งให้ทำทันที ให้สงสัยไว้ก่อน
- ตรวจลิงก์ด้วยการ Hover ก่อนคลิกทุกครั้ง
- อย่าเปิดไฟล์แนบจากคนแปลกหน้าหรืออีเมลน่าสงสัย
- ถ้าเกี่ยวกับเงินหรือรหัสผ่าน ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านช่องทางอื่นเพื่อยืนยัน
13. ถ้าเผลอคลิกลิงก์อีเมลปลอมไปแล้ว ต้องทำอย่างไร?
หากเผลอคลิกลิงก์หรือกรอกข้อมูลไปแล้ว ยังไม่ใช่จุดจบ แต่ต้องรีบจัดการเพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันที โดยเฉพาะอีเมล ธนาคาร และโซเชียลมีเดีย
- เปิดใช้การยืนยันแบบสองขั้นตอน (2FA) หากยังไม่ได้เปิด
- สแกนไวรัสและมัลแวร์ทั้งเครื่อง
- ติดต่อธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเหตุ
- เฝ้าระวังธุรกรรมผิดปกติ และบันทึกรายละเอียดไว้เป็นหลักฐาน


Social Plugin