อย่างเช่น OneDrive, Microsoft Teams และ Microsoft 365 ได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานจำนวนมากยังใช้ความสามารถของ Outlook.com ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการอีเมลจำนวนมาก การตั้งค่าความปลอดภัย หรือการใช้งานฟีเจอร์อัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลา
บทความนี้ได้รวบรวม “ทิปการใช้อีเมล Outlook.com 20 ข้อ” พร้อมวิธีทำทีละขั้นตอน เพื่อช่วยให้คุณใช้งานอีเมลได้เร็วขึ้น
เป็นระบบมากขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้น พนักงานออฟฟิศ และผู้ดูแลระบบที่ต้องการแนวทางใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
ทิปการใช้อีเมล Outlook.com 20 ข้อ (พร้อมวิธีทำ)
-
1) ใช้ Inbox แบบ Focused
ประโยชน์: แยกอีเมลงานสำคัญออกจากอีเมลทั่วไป ลดโอกาสพลาดเรื่องเร่งด่วน
วิธีทำ:
- เข้าไปที่ Inbox
- เลือกแท็บ Focused
- ระบบจะคัดกรองอีเมลสำคัญให้อัตโนมัติ
-
2) ปักหมุดอีเมลสำคัญ (Pin)
ประโยชน์: ดันอีเมลสำคัญให้อยู่ด้านบน หาเจอง่าย
วิธีทำ:
- คลิกขวาที่อีเมลที่ต้องการ
- เลือก Pin
-
3) สร้างโฟลเดอร์แยกหมวดงาน
ประโยชน์: จัดระเบียบอีเมล ช่วยให้ค้นหาเร็วและทำงานเป็นระบบ
วิธีทำ:
- แถบด้านซ้าย เลือก New folder
- ตั้งชื่อ เช่น งาน, ใบแจ้งหนี้, ลูกค้า, HR
-
4) ใช้ Rules คัดกรองอีเมลอัตโนมัติ
ประโยชน์: ลดงานซ้ำ ๆ เช่น ย้ายอีเมลเข้โฟลเดอร์อัตโนมัติ
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings (ไอคอนรูปเฟือง)
- เลือก Mail > Rules
- กด Add new rule แล้วกำหนดเงื่อนไข (เช่น From/Subject)
- เลือกการกระทำ (เช่น Move to folder / Mark as read)
- กด Save
-
5) ค้นหาอีเมลแบบขั้นสูง
ประโยชน์: หาอีเมลเก่า/ไฟล์แนบได้เร็ว โดยไม่ต้องไล่เปิดทีละฉบับ
วิธีทำ:
- พิมพ์คำค้นในช่อง Search ด้านบน
- ใช้ตัวกรอง เช่น From, Date, Has attachments
-
6) แนบไฟล์จาก OneDrive
ประโยชน์: ส่งไฟล์ใหญ่ได้ง่าย และควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงได้
วิธีทำ:
- ขณะเขียนอีเมล คลิก Attach
- เลือก Browse cloud locations หรือ OneDrive
- เลือกไฟล์ แล้วกด Attach
-
7) ตั้งลายเซ็นอีเมล (Signature)
ประโยชน์: เพิ่มความเป็นมืออาชีพ และประหยัดเวลาพิมพ์ข้อมูลซ้ำ
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > Mail
- เลือก Compose and reply
- พิมพ์ลายเซ็น และเลือกให้แสดงอัตโนมัติ
- กด Save
-
8) ตั้ง Auto Reply (Out of Office)
ประโยชน์: แจ้งผู้ส่งอีเมลอัตโนมัติเมื่อคุณลาหยุด/ไม่สะดวกตอบ
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > Mail
- เลือก Automatic replies
- เปิดใช้งาน เลือกช่วงเวลา และพิมพ์ข้อความตอบกลับ
- กด Save
-
9) ใช้ @Mention เพื่อดึงความสนใจผู้รับ
ประโยชน์: ช่วยให้ผู้รับเห็นจุดที่ต้องตอบ/ต้องทำได้ชัดเจน
วิธีทำ:
- ในเนื้อหาอีเมล พิมพ์ @ ตามด้วยชื่อผู้รับ
- เลือกชื่อจากรายการที่แสดง
-
10) ลบอีเมลจำนวนมากพร้อมกัน
ประโยชน์: เคลียร์ Inbox ได้เร็ว ลดอีเมลค้าง
วิธีทำ:
- ติ๊กเลือกหลายอีเมลจากช่องหน้ารายการ
- คลิก Delete (ไอคอนถังขยะ)
-
11) ใช้ Sweep ทำความสะอาดอีเมลประเภทเดียวกัน
ประโยชน์: ลบ/ย้ายอีเมลซ้ำ ๆ จากผู้ส่งเดียวกันได้อัตโนมัติ
วิธีทำ:
- คลิกขวาที่อีเมลจากผู้ส่งที่ต้องการจัดการ
- เลือก Sweep
- กำหนดเงื่อนไข เช่น เก็บเฉพาะล่าสุด หรือลบอีเมลเก่ากว่า 10/30 วัน
-
12) ตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะอีเมลสำคัญ
ประโยชน์: ลดการแจ้งเตือนรบกวน โฟกัสงานได้ดีขึ้น
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > Notifications (หรือการแจ้งเตือน)
- เลือกให้แจ้งเฉพาะอีเมลสำคัญ/Focused (ตามตัวเลือกที่มี)
-
13) เปลี่ยนธีม Outlook.com ให้สบายตา
ประโยชน์: ลดความล้า โดยเฉพาะทำงานหน้าจอนาน ๆ
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > General
- เลือก Appearance แล้วปรับธีม/โหมดมืด (ถ้ามี)
-
14) ใช้คีย์ลัด (Keyboard shortcuts)
ประโยชน์: ทำงานเร็วขึ้น เช่น ตอบกลับ/ส่งต่อ/ค้นหา
วิธีทำ:
- ในหน้า Outlook.com กด ? เพื่อดูรายการคีย์ลัด
- เปิดใช้งานคีย์ลัดใน Settings หากถูกปิดไว้
-
15) ตรวจสอบ Junk/Spam เป็นประจำ
ประโยชน์: กันพลาดอีเมลสำคัญที่ถูกกรองผิด
วิธีทำ:
- เข้าโฟลเดอร์ Junk Email
- ถ้าเจออีเมลสำคัญ เลือก Not junk
-
16) บล็อกผู้ส่งสแปม
ประโยชน์: ลดอีเมลขยะและความเสี่ยงจากฟิชชิง
วิธีทำ:
- คลิกขวาที่อีเมลสแปม
- เลือก Block หรือ Block sender
-
17) ใช้ Calendar ร่วมกับอีเมลเพื่อจัดตารางงาน
ประโยชน์: นำอีเมลนัดหมายไปสร้างตารางได้ทันที ลดหลุดนัด
วิธีทำ:
- คลิกไอคอน Calendar
- สร้าง New event และคัดลอกข้อมูลจากอีเมล หรือใช้เมนูสร้างกิจกรรมจากอีเมล (ถ้ามี)
-
18) ตั้งค่าภาษาและเขตเวลา
ประโยชน์: เวลานัดหมายและการแสดงผลตรงตามพื้นที่ใช้งาน
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > General
- เลือก Language and time
- ตั้งค่า Time zone ให้ถูกต้อง แล้วกด Save
-
19) เชื่อมต่ออีเมลหลายบัญชีในที่เดียว
ประโยชน์: จัดการอีเมลงาน/ส่วนตัวในจุดเดียว ลดการสลับบัญชี
วิธีทำ:
- ไปที่ Settings > Mail
- เลือกเมนูเกี่ยวกับการ Sync หรือเชื่อมต่อบัญชี (ตามตัวเลือกที่ระบบแสดง)
- ทำตามขั้นตอนเข้าสู่ระบบและยืนยันสิทธิ์
-
20) เปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA)
ประโยชน์: เพิ่มความปลอดภัย ป้องกันบัญชีถูกยึดแม้รหัสผ่านรั่ว
วิธีทำ:
- เข้าไปที่หน้า Microsoft Account
- ไปที่ Security
- เปิด Two-step verification และตั้งค่าตามระบบแนะนำ


Social Plugin