เทคนิคเพิ่มความเร็ว Wi-Fi ภายในบ้าน

Router Internet

ในยุคที่การทำงาน เรียน และความบันเทิงส่วนใหญ่พึ่งพาอินเทอร์เน็ต ความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ Wi-Fi ภายในบ้านจึงมีความสำคัญอย่างมาก 

ไม่ว่าจะเป็นการประชุมออนไลน์ การสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง หรือการเล่นเกมแบบเรียลไทม์ หากสัญญาณไม่แรงหรือความเร็วตก ย่อมส่งผลให้การใช้งานสะดุดและเสียเวลา ปัญหานี้มักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ตำแหน่งติดตั้งเราเตอร์ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณ หรือการตั้งค่าที่ไม่เหมาะสม โชคดีที่เราสามารถปรับปรุงและเพิ่มความเร็ว Wi-Fi ได้ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตเสมอไป 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเทคนิคการปรับแต่งและแก้ปัญหา เพื่อให้คุณสามารถใช้งาน Wi-Fi ได้เต็มประสิทธิภาพภายในบ้านของคุณ

เทคนิคเพิ่มความเร็ว Wi-Fi ภายในบ้าน

 1. เลือกตำแหน่งติดตั้งเราเตอร์ให้เหมาะสม
  • วางเราเตอร์ไว้บริเวณกึ่งกลางของบ้าน เพื่อให้สัญญาณกระจายได้รอบทิศ
  • หลีกเลี่ยงการวางในมุมอับ ผนังหนา หรือใกล้วัสดุโลหะ เพราะจะทำให้สัญญาณสะท้อนและสูญเสียความแรง
  • ควรวางเราเตอร์สูงกว่าระดับพื้น เช่น บนชั้นหรือโต๊ะ เพื่อให้คลื่นกระจายได้ดีกว่า

 2. ใช้ย่านความถี่ที่เหมาะกับการใช้งาน
  • 2.4 GHz: สัญญาณครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ไกลจากเราเตอร์ แต่ความเร็วจะต่ำกว่า
  • 5 GHz: ความเร็วสูงกว่า เหมาะกับการสตรีมวิดีโอหรือเล่นเกมออนไลน์ แต่อาจครอบคลุมได้น้อยกว่า
  • เลือกความถี่ให้เหมาะกับตำแหน่งของอุปกรณ์

 3. เปลี่ยนช่องสัญญาณ (Channel) ให้ไม่ชนกับเพื่อนบ้าน
  • สัญญาณ Wi-Fi อาจชนกันถ้าหลายบ้านใช้ช่องเดียวกัน
  • ใช้แอปหรือฟังก์ชันในเราเตอร์ตรวจสอบและเลือกช่องที่มีการใช้น้อย เช่น ช่อง 1, 6, หรือ 11 ใน 2.4 GHz
  • การเปลี่ยนช่องช่วยลดสัญญาณรบกวนและเพิ่มความเสถียร

 4. อัปเดตเฟิร์มแวร์เราเตอร์
  • ผู้ผลิตมักปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่เพื่อแก้บั๊ก เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสิทธิภาพ
  • เข้าสู่หน้าการตั้งค่าของเราเตอร์ แล้วตรวจสอบว่ามีเวอร์ชันใหม่หรือไม่
  • อัปเดตอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เราเตอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 5. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและเปิดการเข้ารหัส
  • หากไม่มีรหัสผ่านที่ปลอดภัย อาจมีคนอื่นมาใช้ Wi-Fi โดยไม่รู้ตัว ทำให้ความเร็วตก
  • ใช้รหัสผ่านแบบ WPA2 หรือ WPA3 พร้อมรหัสที่เดายาก
  • หลีกเลี่ยงการใช้รหัสง่าย ๆ เช่น “12345678” หรือชื่อบ้าน

 6. ลดการรบกวนจากอุปกรณ์อื่น
  • อุปกรณ์อย่างไมโครเวฟ โทรศัพท์ไร้สาย หรือเครื่องส่งสัญญาณบลูทูธ อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi โดยเฉพาะในย่าน 2.4 GHz
  • หลีกเลี่ยงการวางเราเตอร์ใกล้อุปกรณ์เหล่านี้
  • หากต้องใช้มาก ให้เลือกความถี่ 5 GHz แทน

 7. จัดการจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
  • หากมีอุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อมกันมากเกินไป ความเร็วอาจถูกแบ่งจนช้าลง
  • ปิด Wi-Fi ในอุปกรณ์ที่ไม่ใช้งาน
  • บางเราเตอร์สามารถตั้งค่า QoS (Quality of Service) เพื่อจัดลำดับความสำคัญให้กับอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันสำคัญ เช่น การประชุมออนไลน์

 8. ใช้ตัวขยายสัญญาณ (Wi-Fi Extender) หรือ Mesh Wi-Fi
  • หากบ้านมีหลายชั้นหรือพื้นที่กว้าง การติดตั้งตัวขยายสัญญาณช่วยให้คลื่นครอบคลุมมากขึ้น
  • ระบบ Mesh Wi-Fi เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ เพราะสามารถกระจายสัญญาณได้ทั่วถึงและสลับการเชื่อมต่ออัตโนมัติ

 9. ใช้สาย LAN กับอุปกรณ์ที่ต้องการความเร็วสูง
  • แม้ Wi-Fi จะสะดวก แต่การเชื่อมต่อผ่านสาย LAN จะให้ความเร็วและความเสถียรกว่ามาก
  • เหมาะกับการเล่นเกม หรือดูวิดีโอความละเอียดสูงต่อเนื่อง

 10. รีสตาร์ทเราเตอร์เป็นระยะ
  • การใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เราเตอร์ทำงานช้าลง
  • ควรปิดและเปิดใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อเคลียร์หน่วยความจำและรีเฟรชระบบ

 11. ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต
  • ใช้เว็บหรือแอปทดสอบความเร็ว เช่น Speedtest.net เพื่อดูว่าความเร็วที่ได้ตรงตามแพ็กเกจหรือไม่
  • หากความเร็วต่ำกว่ามาก อาจเป็นปัญหาจากผู้ให้บริการ ควรติดต่อเพื่อแก้ไข

 12. อัปเกรดอุปกรณ์เราเตอร์
  • เราเตอร์รุ่นเก่าอาจรองรับความเร็วไม่สูงพอ
  • อัปเกรดเป็นรุ่นที่รองรับ Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 6E เพื่อความเร็วและความหน่วงต่ำที่ดีกว่า
  • เลือกเราเตอร์ที่มีเสาสัญญาณหลายเสาเพื่อช่วยกระจายสัญญาณได้กว้างขึ้น

 13. ใช้ฟังก์ชัน Beamforming
  • ฟังก์ชันนี้ช่วยส่งสัญญาณตรงไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย แทนที่จะกระจายแบบทั่ว ๆ ไป
  • ทำให้สัญญาณแรงและเสถียรขึ้น
  • ตรวจสอบว่าเราเตอร์ของคุณรองรับฟีเจอร์นี้หรือไม่

 14. แยกเครือข่ายสำหรับแขก (Guest Network)
  • การสร้างเครือข่ายแยกช่วยให้การใช้งานของแขกไม่กระทบความเร็วของอุปกรณ์หลัก
  • ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้วย

บทสรุป การเพิ่มความเร็ว Wi-Fi ภายในบ้านไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่การซื้อแพ็กเกจที่เร็วขึ้น แต่สามารถทำได้ด้วยการปรับตำแหน่งเราเตอร์ ปรับตั้งค่าช่องสัญญาณ เลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม รวมถึงการใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง Extender หรือ Mesh Wi-Fi การดูแลและปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและเสถียรมากขึ้น