อยากมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ก็ควรจะต้องมี Domain Name เป็นของตนเอง เช่นกัน
คำว่า Domain Name หรือชื่อโดเมน คือที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการระบุและเข้าถึงเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น www.example.com ชื่อโดเมนจะเป็นตัวแทนของ IP address ที่ซับซ้อนและยาวยืด ทำให้ง่ายต่อการจดจำและเข้าถึง
ชื่อโดเมนประกอบด้วยสองส่วนหลักๆ ได้แก่
- ชื่อหลัก (เช่น "example")
- นามสกุลโดเมน (เช่น ".com", ".org", ".net")
นามสกุลโดเมนบ่งบอกประเภทหรือภูมิภาคของเว็บไซต์ การเลือกชื่อโดเมนที่ดีและเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจและองค์กร เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์และภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ ซึ่งสามารถส่งผลต่อการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือของผู้ใช้งาน
Domain Name สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท
1. Top-Level Domain (TLD)
เป็นประเภทที่อยู่ในระดับสูงสุดของชื่อโดเมน มีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยต่างๆ ดังนี้:
Generic Top-Level Domains (gTLDs): เป็นโดเมนที่ไม่ได้ระบุเฉพาะประเทศหรือภูมิภาค ตัวอย่างเช่น
- .com: ใช้ทั่วไปสำหรับการค้าและธุรกิจ
- .org: สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
- .net: เดิมถูกใช้สำหรับเครือข่าย แต่ปัจจุบันใช้ทั่วไป
- .info: ใช้สำหรับเว็บไซต์ข้อมูล
- .biz: ใช้สำหรับธุรกิจ
Country Code Top-Level Domains (ccTLDs): เป็นโดเมนที่ระบุถึงประเทศหรือภูมิภาคเฉพาะ โดยมีรหัสประเทศตามมาตรฐาน ISO 3166-1 ตัวอย่างเช่น
- .th: สำหรับประเทศไทย
- .us: สำหรับสหรัฐอเมริกา
- .uk: สำหรับสหราชอาณาจักร
- .cn: สำหรับประเทศจีน
Sponsored Top-Level Domains (sTLDs): เป็นโดเมนที่ถูกสนับสนุนโดยองค์กรหรือกลุ่มเฉพาะ โดยมีข้อกำหนดเฉพาะในการใช้งาน ตัวอย่างเช่น
- .edu: สำหรับสถาบันการศึกษา
- .gov: สำหรับหน่วยงานรัฐบาล
- .mil: สำหรับหน่วยงานทางทหาร
2. Second-Level Domain
เป็นส่วนที่อยู่ก่อนหน้า TLD เช่น ในชื่อโดเมน "example.com" คำว่า "example" จะถือเป็น Second-Level Domain ซึ่งเป็นชื่อที่ผู้ใช้งานเลือกเพื่อบ่งบอกถึงธุรกิจหรือบริการ
3. Third-Level Domain
หรือที่เรียกว่า Subdomain เป็นชื่อที่ถูกวางไว้หน้าชื่อโดเมนหลัก ตัวอย่างเช่น "blog.example.com" คำว่า "blog" เป็น Third-Level Domain หรือ Subdomain ที่ใช้บ่งบอกถึงส่วนหนึ่งของเว็บไซต์หลัก
4. New Generic Top-Level Domains (New gTLDs)
โดเมนประเภทใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มความหลากหลาย เช่น
- .app: สำหรับแอปพลิเคชัน
- .shop: สำหรับร้านค้าออนไลน์
- .tech: สำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
- .online: ใช้ทั่วไปสำหรับการบ่งบอกว่าเว็บไซต์นั้นอยู่ในโลกออนไลน์
5. Internationalized Domain Names (IDNs)
โดเมนที่สามารถใช้ตัวอักษรจากภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษได้ เช่น การใช้ตัวอักษรไทย, จีน, อาหรับ ฯลฯ ทำให้สามารถจดจำและใช้งานได้ง่ายขึ้นในประเทศหรือภูมิภาคที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ
แต่ละประเภทของโดเมนมีความสำคัญและประโยชน์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งานในการเลือกใช้โดเมนที่เหมาะสมกับธุรกิจหรือบริการของตน
วิธีการเลือกซื้อ Domain Name
- เลือกชื่อที่จดจำง่าย
ชื่อที่สั้น กระชับ และสะกดง่ายจะช่วยให้ผู้ใช้งานจำและเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ซับซ้อนหรือยาวเกินไป - ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาเว็บไซต์
การใช้คำที่สื่อถึงธุรกิจหรือเนื้อหาของเว็บไซต์จะช่วยให้ผู้เข้าชมรู้ได้ทันทีว่าเว็บไซต์นั้นเกี่ยวกับอะไร และยังช่วยในการทำ SEO อีกด้วย - เลือกนามสกุลโดเมนที่เหมาะสม
นามสกุลโดเมนยอดนิยมเช่น .com, .net หรือ .org เหมาะสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป หากเป็นเว็บไซต์ที่มุ่งเป้าไปยังภูมิภาคเฉพาะควรเลือกนามสกุลโดเมนที่ระบุประเทศเช่น .th (สำหรับประเทศไทย) - ตรวจสอบการใช้งานชื่อโดเมน
ก่อนที่จะลงทะเบียนชื่อโดเมนควรตรวจสอบว่าไม่มีผู้อื่นใช้ชื่อเดียวกันอยู่แล้ว และไม่มีการละเมิดเครื่องหมายการค้าหรือสิทธิ์ทางปัญญา - เลือกผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนที่น่าเชื่อถือ
ควรเลือกซื้อโดเมนจากผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีบริการที่ดีและการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ
การเลือกชื่อโดเมนที่ดีเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างตัวตนออนไลน์ที่น่าเชื่อถือและดึงดูดผู้เข้าชม โดยต้องคำนึงถึงความง่ายต่อการจำ ความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ และความพร้อมใช้งานของชื่อที่เลือก