Website Audit ทำเว็บแล้วมีคนเข้าไหม

Website Audit

หลายองค์กรลงทุนทำเว็บไซต์อย่างจริงจัง ทั้งออกแบบสวย ใช้ระบบทันสมัย และมีข้อมูลครบถ้วน แต่กลับพบปัญหาที่น่าหนักใจคือ เว็บแทบไม่มีคนเข้า หรือไม่รู้เลยว่า “มีใครสนใจเว็บไซต์ของเราหรือไม่” 

ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยกับทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรที่มีเว็บไซต์มานานหลายปี แต่ไม่เคยตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์อย่างจริงจัง การทำ Website Audit จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเปิดเผยความจริงของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เข้าชม พฤติกรรมของผู้ใช้ จุดที่ทำให้คนออกจากเว็บ หรือแม้แต่ปัญหาที่ทำให้ Google มองไม่เห็นเว็บไซต์ของคุณ 

 บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า Website Audit คืออะไร ตรวจอะไรบ้าง และจะช่วยแก้ปัญหา “ทำเว็บแต่ไม่มีคนเข้า” ได้อย่างเป็นระบบและวัดผลได้จริง

Website Audit คืออะไร และทำไมเว็บที่ดูดีอาจไม่มีคนเข้า

Website Audit คือกระบวนการตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นระบบ เพื่อดูว่าเว็บทำงานได้ดีแค่ไหนในมุมของ ผู้ใช้งานจริง, เครื่องมือค้นหา (เช่น Google) และ ประสิทธิภาพด้านเทคนิค เช่น ความเร็วและความเสถียร เว็บไซต์จำนวนมาก “ดูดี” แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนหาเจอ หรือใช้งานต่อได้จริง ส่งผลให้เว็บไม่มีทราฟฟิก ไม่มีลีด และไม่สร้างยอดขาย

ปัญหาหลักของเว็บที่ “ไม่มีคนเข้า” มักเกิดจากอะไร

  • ไม่มีการทำ SEO ตั้งแต่ต้น
  • Google ไม่สามารถเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้ครบ (Index ไม่สมบูรณ์)
  • เว็บโหลดช้า โดยเฉพาะบนมือถือ
  • ไม่มีระบบวัดผล เช่น GA4 หรือวัดผลไม่ครบ
  • เนื้อหาไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา
  • โครงสร้างเว็บซับซ้อน ผู้ใช้หลงทาง
  • ไม่มี Call to Action ทำให้ไม่รู้ว่าผู้ใช้สนใจอะไร
  • ปัญหาเทคนิคเล็กๆ (ลิงก์เสีย, รูปใหญ่, Error) ที่กระทบอันดับ

Website Audit ช่วยตอบคำถามอะไรได้บ้าง

  • มีคนเข้าเว็บจริงหรือไม่ และเข้ามามากน้อยแค่ไหน
  • คนเข้ามาจากช่องทางไหน (Google, Social, Direct ฯลฯ)
  • คนอยู่หน้าเว็บนานแค่ไหน และออกจากหน้าไหนมากที่สุด
  • มีคำค้นหาอะไรที่ทำให้เจอเว็บไซต์
  • ผู้เข้าชมสนใจบริการ/สินค้าใด (ดูจากหน้าและการคลิก)

1) ตรวจสอบ Traffic: มีคนเข้าเว็บจริงหรือไม่

เริ่มจาก “ตัวเลขจริง” เพื่อไม่ต้องเดา:

  • จำนวนผู้เข้าชมต่อวัน/ต่อเดือน
  • ผู้ใช้ใหม่ vs ผู้ใช้เดิม
  • อุปกรณ์ที่ใช้ (มือถือ/คอมพิวเตอร์)
  • ประเทศ/เมือง (ถ้าเป็นธุรกิจท้องถิ่นช่วยมาก)

ถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ แปลว่าเว็บไซต์ “มองไม่เห็นพฤติกรรมผู้ใช้เลย” และวางแผนต่อยากมาก

2) ตรวจสอบเครื่องมือวัดผล (Analytics Audit)

หลายเว็บเจอปัญหา “ติดตั้งแล้วแต่ไม่รู้ว่าเก็บอะไรได้บ้าง” หรือ “เก็บไม่ครบ” สิ่งที่ควรตรวจ:

  • ติดตั้ง GA4 ถูกต้อง (Tag ยิงเข้าทุกหน้า)
  • ตั้งค่า Event สำคัญ: คลิกปุ่มติดต่อ, คลิกเบอร์โทร, คลิก Line, ส่งฟอร์ม
  • เชื่อม Google Search Console เพื่อดูคำค้นหา/อันดับ
  • ตั้งค่า Conversion เพื่อวัดผลที่ “มีความหมาย” ไม่ใช่แค่วิว

3) SEO Audit: Google มองเห็นเว็บคุณหรือไม่

SEO คือหัวใจของเว็บที่ต้องการคนเข้าแบบยั่งยืน สิ่งที่ต้องตรวจ:

  • หน้าเว็บถูก Index บน Google หรือไม่
  • Title / Meta Description สื่อสารชัด และมีคีย์เวิร์ด
  • โครงสร้าง Heading (H1–H3) ถูกลำดับ อ่านง่าย
  • URL อ่านง่าย สื่อความหมาย ไม่ยาวเกิน
  • มี Sitemap และ Robots.txt เหมาะสม
  • Internal Link เชื่อมบทความ/บริการให้คนไปต่อได้

เว็บที่ไม่มี SEO ต่อให้สวยแค่ไหน ก็แทบไม่มีคน “ค้นหาเจอ” ครับ

4) Content Audit: เนื้อหาตรงกับสิ่งที่คนค้นหาหรือไม่

คำถามสำคัญที่ต้องตอบให้ได้:

  • เนื้อหาเขียนเพื่อ “ลูกค้า” หรือเขียนเพื่อ “เล่าเรื่องบริษัท” อย่างเดียว
  • ใช้คำที่ลูกค้าค้นหาจริงหรือไม่ (Keyword Intent)
  • มีบทความให้ความรู้ที่ช่วยดึงคนจาก Google หรือไม่
  • หน้า Service/สินค้า อธิบายชัด มีตัวอย่าง/ราคา/ขั้นตอนหรือยัง

เว็บไซต์ที่มีแต่ “แนะนำบริษัท” แต่ไม่มีคอนเทนต์ตอบคำถามลูกค้า มักไม่มีทราฟฟิกจาก Google

5) User Experience Audit: คนเข้าแล้วอยู่ต่อหรือไม่

ต่อให้มีคนเข้า ถ้าเว็บใช้งานยาก คนก็ออกทันที:

  • เมนูเข้าใจง่ายหรือไม่ (หาของเจอภายใน 3 คลิก)
  • รองรับมือถือดีหรือยัง (ปุ่มไม่เล็ก ตัวหนังสือไม่แน่น)
  • หน้าโหลดไวหรือไม่ (โดยเฉพาะหน้าแรก/หน้าบริการ)
  • ปุ่มติดต่อชัดเจนหรือไม่ (โทร/ไลน์/ฟอร์ม)
  • รูป/วิดีโอหนักเกินไปไหม

6) Conversion Audit: รู้หรือไม่ว่าคนสนใจอะไร

หลายเว็บไม่รู้ว่า คนคลิกอะไร สนใจหน้าไหน และติดต่อจากหน้าใด Website Audit จะช่วยวางระบบให้วัดผลได้จริง เช่น:

  • ติดตามการคลิกปุ่ม Contact / Line / Email / โทร
  • วัดผลการส่งฟอร์ม (Form Submit)
  • วิเคราะห์เส้นทางผู้ใช้ (User Journey) ก่อนติดต่อ
  • ปรับ Call to Action ให้เหมาะกับแต่ละหน้า

เป้าหมายคือเปลี่ยน “คนเข้าเว็บ” ให้เป็น “ลูกค้า” ครับ

7) Technical Audit: ปัญหาที่มองไม่เห็นแต่กระทบหนัก

ตัวอย่างปัญหาที่เจอบ่อย และทำให้ Google/ผู้ใช้ลดความเชื่อมั่น:

  • SSL หมดอายุ หรือมีหน้าไม่ขึ้น https
  • หน้า Error (404/500) หรือมีลิงก์เสีย
  • รูปใหญ่เกินไป ทำให้เว็บช้า
  • สคริปต์เยอะเกิน ทำให้หน่วงบนมือถือ
  • ไม่มีการจัดการ Cache/CDN (ในบางเคส)

Website Audit เหมาะกับใครบ้าง

  • ธุรกิจที่มีเว็บแต่ยอดขายไม่มา
  • บริษัทที่ทำเว็บมานาน แต่ไม่รู้ผลลัพธ์
  • เจ้าของกิจการที่อยากรู้ว่าลูกค้าสนใจอะไร
  • ทีมการตลาดที่ต้องการข้อมูลจริงเพื่อตัดสินใจ
  • ธุรกิจบริการ/โรงแรม/SME ที่ต้องการเพิ่มทราฟฟิกและลีด

หลังทำ Website Audit ควรทำอะไรต่อ

ผลลัพธ์ของ Audit ไม่ใช่แค่รายงาน แต่ควรต่อยอดเป็น “แผนแก้ไข” เช่น:

  • ปรับ SEO On-page และโครงสร้างเว็บ
  • เพิ่มคอนเทนต์ที่ตอบคำถามลูกค้า และทำให้ติดอันดับ
  • ปรับ UX ให้คนไปต่อได้ง่าย ลดการกดออก
  • ตั้ง Conversion Tracking ให้รู้ว่าลูกค้ามาจากหน้าไหน
  • เชื่อมแผนการตลาด (Social / Ads / Email) ให้พาเว็บโตอย่างมีทิศทาง

สรุป: Website Audit คือการ “เลิกเดา” แล้วใช้ข้อมูลจริงในการทำให้เว็บมีคนเข้าและสร้างลูกค้าได้

*สนใจหรือต้องการบริการ คลิก >> Website Audit Services