วิธีแก้เสียงไม่มี / ลำโพงไม่ดัง

Sound issue

ปัญหาเสียงไม่มีหรือเสียงลำโพงไม่ดัง เป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กพบได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นการดูวิดีโอ ฟังเพลง ประชุมออนไลน์ หรือใช้งานทั่วไป 

เสียงที่หายไปอาจเกิดจากสาเหตุเล็กน้อย เช่น ปรับเสียงเป็นปิดโดยไม่รู้ตัว ไปจนถึงปัญหาด้านไดรเวอร์ ฮาร์ดแวร์ หรือการตั้งค่าระบบปฏิบัติการที่ผิดพลาด หากไม่เข้าใจสาเหตุ อาจทำให้เสียเวลาในการแก้ไข หรือเผลอคิดว่าอุปกรณ์เสียทั้งที่ยังใช้งานได้ตามปกติ 

บทความนี้จะอธิบายวิธีตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเสียงไม่มีหรือเสียงลำโพงไม่ดังอย่างเป็นขั้นตอน ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและผู้ที่ไม่ใช่สายไอที เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองก่อนตัดสินใจส่งซ่อม

บทความ: วิธีแก้เสียงไม่มี / ลำโพงไม่ดัง  

1) ตรวจสอบพื้นฐานที่มักถูกมองข้าม

ก่อนลงลึกเรื่องเทคนิค ควรเริ่มจากจุดง่ายที่สุด เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งเหล่านี้

  • ตรวจสอบปุ่ม Mute บนคีย์บอร์ดหรือหน้าจอ
  • เพิ่มระดับเสียง (Volume) ให้สูงขึ้น
  • ตรวจสอบว่าลำโพงหรือหูฟังเปิดสวิตช์อยู่
  • หากใช้ลำโพงแยก ให้เช็กสายไฟและสายสัญญาณว่าต่อแน่นหรือไม่

เคล็ดลับ: ลองเปิดวิดีโอ YouTube หรือไฟล์เสียงที่มั่นใจว่ามีเสียงจริงเพื่อทดสอบ


2) เลือกอุปกรณ์เสียง (Output Device) ให้ถูกต้อง

บางครั้งระบบเลือกอุปกรณ์เสียงผิด เช่น เลือกหูฟัง Bluetooth ทั้งที่ไม่ได้เชื่อมต่อ หรือเลือกเสียงผ่าน HDMI/Display ทำให้ลำโพงเครื่องไม่ดัง

  1. คลิกไอคอนลำโพงมุมขวาล่าง
  2. ตรวจสอบว่าเลือก ลำโพงที่ใช้งานจริง
  3. หากมีหลายอุปกรณ์ ให้ลองสลับทีละตัวแล้วทดสอบเสียง


3) ตรวจสอบการตั้งค่าเสียงในระบบ

เช็กการตั้งค่าเสียงแบบละเอียด เพื่อดูว่ามีการปิดเสียงเฉพาะบางแอปหรือไม่

  • ไปที่ Settings > Sound
  • ตรวจสอบระดับเสียงของระบบ (System) และระดับเสียงรวม
  • ดูเมนู App volume ว่าไม่ได้ปิดเสียงเฉพาะแอป (เช่น Browser/Zoom/Teams)


4) ใช้ตัวช่วยแก้ปัญหาอัตโนมัติ (Troubleshooter)

Windows มีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ปัญหาเสียงเบื้องต้น

  1. ไปที่ Settings > System > Sound
  2. กด Troubleshoot
  3. ทำตามขั้นตอนที่ระบบแนะนำ แล้วรีสตาร์ทเครื่อง


5) ตรวจสอบไดรเวอร์เสียง (Audio Driver)

หากเสียงหายแบบไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะหลังอัปเดตระบบ สาเหตุหลักมักเกี่ยวกับไดรเวอร์เสียง

  1. เปิด Device Manager
  2. ไปที่ Sound, video and game controllers
  3. ถ้ามีสัญลักษณ์เตือน แสดงว่าไดรเวอร์มีปัญหา

แนวทางแก้ไขที่แนะนำ

  • ลอง Update driver เพื่ออัปเดตเวอร์ชันล่าสุด
  • หากอัปเดตแล้วพัง ให้ลอง Rollback driver กลับไปเวอร์ชันก่อน
  • ทางเลือกสุดท้าย: ถอนการติดตั้งไดรเวอร์ แล้วรีสตาร์ท (ระบบจะติดตั้งใหม่อัตโนมัติ)


6) ปัญหาจากอุปกรณ์ภายนอก (Bluetooth / หูฟัง / ลำโพงแยก)

หากใช้หูฟังหรือ ลำโพง Bluetooth ให้ตรวจสอบตามนี้

  • ยกเลิกการเชื่อมต่อ แล้วเชื่อมใหม่
  • เช็กแบตเตอรี่ของอุปกรณ์
  • ทดสอบกับมือถือ/คอมเครื่องอื่น เพื่อแยกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน

กรณีเสียบหูฟังผ่านแจ็ก 3.5 มม.

  • ถอดแล้วเสียบใหม่ให้แน่น
  • ตรวจสอบฝุ่นหรือคราบในช่องเสียบ


7) เสียงหายหลังอัปเดตระบบ

ปัญหาเสียงหายหลังอัปเดต Windows พบได้บ่อย เพราะไดรเวอร์เดิมอาจไม่เข้ากับเวอร์ชันใหม่

  • ลองตรวจสอบใน Device Manager ว่ามีการเปลี่ยนไดรเวอร์หรือไม่
  • ใช้ Rollback driver หากเสียงหายหลังอัปเดตไม่นาน
  • ตรวจสอบว่า Windows เลือก Output Device ถูกต้องหรือไม่ (โดยเฉพาะ HDMI/Display)


8) ตรวจสอบบริการเสียงของระบบ (Windows Audio)

บางครั้งบริการเสียงอาจหยุดทำงาน ทำให้ไม่มีเสียงทั้งระบบ

  1. กดปุ่ม Windows แล้วพิมพ์ Services
  2. ค้นหา Windows Audio
  3. สถานะควรเป็น Running และตั้งค่าเป็น Automatic
  4. หากไม่ทำงาน ให้กด Start หรือ Restart


9) ทดสอบฮาร์ดแวร์ (แยกปัญหาให้ออกว่าเสียจริงไหม)

ถ้าลองทุกวิธีแล้วยังไม่มีเสียง ให้ทดสอบเพื่อแยกสาเหตุ

  • เสียบหูฟังแล้วทดสอบ: ถ้าหูฟังมีเสียงแต่ลำโพงเครื่องไม่ดัง อาจเป็นลำโพงเสีย
  • ถ้าไม่มีเสียงทั้งหูฟังและลำโพง อาจเป็นไดรเวอร์/ชิปเสียง/ระบบ
  • ลองบูต Safe Mode หรือทดสอบกับบัญชีผู้ใช้อื่น (ถ้าทำได้)

หากสงสัยฮาร์ดแวร์เสีย แนะนำส่งศูนย์/ร้านซ่อม พร้อมแจ้งอาการและขั้นตอนที่ลองไปแล้ว จะช่วยให้ช่างตรวจได้เร็วขึ้น


10) แนวทางป้องกันปัญหาเสียงในอนาคต

  • อัปเดต Windows และไดรเวอร์อย่างสม่ำเสมอ (แต่ควรระวังหลังอัปเดตใหญ่)
  • หลีกเลี่ยงโปรแกรมปรับแต่งระบบที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • สำรองข้อมูลสำคัญก่อนอัปเดตใหญ่
  • ใช้อุปกรณ์เสียงที่ได้มาตรฐาน และหลีกเลี่ยงสาย/อะแดปเตอร์คุณภาพต่ำ