อย่างไรก็ตาม ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง
หากตั้งค่าความปลอดภัยไม่เหมาะสม อาจทำให้ไฟล์รั่วไหล ถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดนมัลแวร์เข้ารหัสไฟล์ได้
บทความนี้สรุปวิธีตั้งค่า OneDrive ให้ปลอดภัยตั้งแต่พื้นฐานที่ทำได้เอง ไปจนถึงแนวคิดป้องกันไฟล์รั่วไหลแบบเข้าใจง่าย
เหมาะทั้งผู้ใช้ตามบ้าน พนักงานออฟฟิศ และองค์กรขนาดเล็ก เพื่อให้คุณใช้ OneDrive ได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงในระยะยาว|
1) ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรง และไม่ซ้ำ
บัญชี OneDrive ผูกกับบัญชี Microsoft หากรหัสผ่านเดาง่าย ไฟล์ทั้งหมดเสี่ยงทันที
- ใช้รหัสผ่านอย่างน้อย 12 ตัวอักษร
- ผสมตัวพิมพ์เล็ก/พิมพ์ใหญ่/ตัวเลข/สัญลักษณ์
- ไม่ใช้รหัสเดียวกับอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย
- เปลี่ยนรหัสผ่านทุก 6–12 เดือน
เคล็ดลับ: ใช้ Password Manager ช่วยจำรหัสยาก ๆ ได้โดยไม่ต้องจด
2) เปิดการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication: 2FA)
เพิ่มด่านความปลอดภัย แม้รหัสผ่านหลุด คนร้ายก็ยังเข้าไม่ได้
- ไปที่ Microsoft Account > Security
- เปิด “การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน”
- แนะนำให้ใช้แอป Authenticator (ปลอดภัยกว่า SMS)
ประโยชน์: ลดความเสี่ยงบัญชีถูกยึด เหมาะมากกับไฟล์งานและเอกสารสำคัญ
3) ใช้ Personal Vault เก็บไฟล์สำคัญ
Personal Vault คือโฟลเดอร์พิเศษที่ต้องยืนยันตัวตนซ้ำก่อนเปิด
- เหมาะกับ: สำเนาบัตรประชาชน/พาสปอร์ต/สัญญา/เอกสารการเงิน
- ล็อกอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- ต้องยืนยันตัวตนทุกครั้งที่เปิด
4) ตรวจสอบและจำกัดการแชร์ไฟล์
การแชร์ผิดพลาดเป็นสาเหตุหลักของข้อมูลรั่วไหล ควรตั้งค่าการแชร์ให้รัดกุม
- หลีกเลี่ยง “Anyone with the link” หากไม่จำเป็น
- เลือก “Specific people” เพื่อระบุผู้รับให้ชัดเจน
- ตั้ง “วันหมดอายุของลิงก์” เมื่อแชร์งานชั่วคราว
- ปิด “Download” หากต้องการให้ดูอย่างเดียว
ตรวจสอบย้อนหลัง: เข้าเมนู Shared และลบลิงก์ที่ไม่ใช้งานแล้วทันที
5) ควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ OneDrive
หลายคนเคยล็อกอินไว้บนคอม/มือถือเครื่องเก่าแล้วลืม ทำให้เสี่ยงถูกเข้าถึง
- ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ล็อกอินจากหน้า Security
- Sign out/Remove อุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว
- ถ้าเครื่องหาย ให้เปลี่ยนรหัสผ่านทันที
6) ป้องกันไฟล์จาก Ransomware และการลบผิดพลาด
OneDrive มีฟีเจอร์ช่วยกู้ไฟล์ย้อนหลัง ลดความเสียหายจากไฟล์โดนเข้ารหัสหรือเผลอลบ
- Version History: ย้อนกลับไปใช้ไฟล์เวอร์ชันก่อนหน้า
- Restore OneDrive: ย้อนสถานะไฟล์ทั้งบัญชี (เหมาะกรณีโดนโจมตีเป็นวงกว้าง)
คำแนะนำ: ฝึกใช้งานการกู้ไฟล์เบื้องต้นไว้ล่วงหน้า จะช่วยลดเวลาหยุดชะงักเมื่อเกิดเหตุจริง
7) เข้ารหัสอุปกรณ์ก่อนซิงก์ OneDrive
แม้คลาวด์ปลอดภัย แต่ถ้าเครื่องไม่ปลอดภัย ไฟล์ที่ซิงก์ไว้ก็ยังเสี่ยง
- เปิด BitLocker (Windows) หรือ FileVault (Mac)
- ตั้งรหัสผ่าน/พินหน้าจอ และล็อกเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน
- อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอนตี้ไวรัสสม่ำเสมอ
8) ระวังอีเมลปลอมและลิงก์หลอก (Phishing)
ภัยคุกคามจำนวนมากไม่ได้เจาะระบบ แต่หลอกให้ผู้ใช้กรอกรหัสผ่านเอง
- Microsoft จะไม่ขอรหัสผ่านทางอีเมล
- ตรวจสอบ URL ก่อนล็อกอินทุกครั้ง
- หากสงสัย ให้พิมพ์เข้าเว็บด้วยตนเองแทนการกดลิงก์
9) ใช้ OneDrive ร่วมกับแนวทางองค์กร (สำหรับธุรกิจ)
องค์กรควรเพิ่มมาตรการเพื่อควบคุมการรั่วไหล เช่น แยกงาน/ส่วนตัว และกำหนดสิทธิ์ให้เหมาะสม
- แยกบัญชี OneDrive งานกับส่วนตัว
- กำหนดสิทธิ์ตามตำแหน่งงาน (Least Privilege)
- จำกัดการแชร์ออกนอกองค์กร หากไม่จำเป็น
- ทบทวนการแชร์และการเข้าถึงไฟล์เป็นระยะ
10) สร้างนิสัยความปลอดภัยให้ผู้ใช้
เทคโนโลยีดีแค่ไหน หากผู้ใช้ไม่ระวัง ก็ยังเสี่ยงไฟล์รั่วไหลได้
- ไม่แชร์ลิงก์ไฟล์ในที่สาธารณะหรือกลุ่มเปิด
- เช็กสิทธิ์ก่อนส่งไฟล์ทุกครั้ง
- แจ้งทีม IT ทันทีเมื่อพบความผิดปกติ
เช็กลิสต์สั้นๆ (สรุปทำทันที)
- เปิด 2FA ให้บัญชี Microsoft
- ตั้งค่าการแชร์เป็น “Specific people” เป็นหลัก
- ใช้ Personal Vault เก็บไฟล์สำคัญ
- ตรวจ Shared links และลบสิ่งที่ไม่ใช้
- เปิดการเข้ารหัสอุปกรณ์ (BitLocker/FileVault)


Social Plugin