ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว การใช้ทรัพยากร หรือการหาสาเหตุเมื่อเครื่องเริ่มทำงานช้าผิดปกติ สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงผู้ดูแลระบบไอที Task Manager ถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด คุณสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่า CPU, RAM, Disk หรือ Network ถูกใช้งานมากเกินไปหรือไม่ รวมถึงดูว่าโปรแกรมใดกำลังทำงานอยู่เบื้องหลังโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
บทความนี้จะอธิบายวิธีใช้ Task Manager
อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ปัญหาเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ที่ดูแลคอมพิวเตอร์ในองค์กร
Task Manager คืออะไร และใช้ทำอะไรได้บ้าง
- ตรวจสอบโปรแกรม/แอปที่กำลังทำงาน
- ดูการใช้ทรัพยากรของเครื่องแบบเรียลไทม์
- ปิดโปรแกรมที่ค้างหรือทำให้เครื่องช้า
- ตรวจสอบโปรแกรมที่เริ่มทำงานพร้อม Windows
- ช่วยวิเคราะห์อาการเครื่องช้า ค้าง หรือร้อนผิดปกติ
วิธีเปิด Task Manager
- Ctrl + Shift + Esc (เร็วที่สุด)
- คลิกขวาที่แถบ Taskbar แล้วเลือก Task Manager
- Ctrl + Alt + Delete แล้วเลือก Task Manager
หากเปิดมาแล้วเห็นหน้าจอแบบย่อ ให้คลิก More details เพื่อดูข้อมูลทั้งหมด
อธิบายเมนูสำคัญใน Task Manager
1) แท็บ Processes – ตรวจสอบโปรแกรมที่กำลังใช้งาน
แท็บนี้จะแสดงรายการโปรแกรมทั้งหมดที่กำลังทำงาน พร้อมการใช้ทรัพยากรหลัก ๆ
- CPU: ดูว่าโปรแกรมใดกินพลังประมวลผลสูง
- Memory (RAM): ดูการใช้หน่วยความจำ
- Disk: ตรวจสอบการอ่าน–เขียนดิสก์
- Network: ดูการใช้อินเทอร์เน็ตของแต่ละโปรแกรม
แนวทางใช้งาน
- ถ้าเครื่องช้า ให้คลิกหัวคอลัมน์ CPU หรือ Memory เพื่อเรียงจากมากไปน้อย
- พบโปรแกรมผิดปกติ/ค้าง: คลิกขวาแล้วเลือก End task
2) แท็บ Performance – ดูสุขภาพเครื่องแบบภาพรวม
เหมาะสำหรับตรวจสอบสถานะเครื่องโดยรวมแบบเรียลไทม์
- CPU: ดูเปอร์เซ็นต์ใช้งาน ความเร็ว และจำนวนคอร์
- Memory: ดู RAM ที่ใช้และที่เหลือ
- Disk: ดูอัตราการใช้งาน/ความเร็วเบื้องต้น
- Network: ดูการรับ–ส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ต
ตัวอย่างการวิเคราะห์
- CPU สูง 90–100% ต่อเนื่อง: อาจมีโปรแกรมหนัก ทำให้เครื่องช้า/ร้อน
- Memory ใกล้เต็ม 90–100%: อาจต้องปิดโปรแกรมหรือพิจารณาเพิ่ม RAM
3) แท็บ Startup – ตรวจสอบโปรแกรมที่เปิดพร้อมเครื่อง

แท็บนี้มีผลโดยตรงกับความเร็วตอนเปิดเครื่อง (Boot time)
- ดูรายชื่อโปรแกรมที่เริ่มทำงานพร้อม Windows
- สถานะ Enabled = เปิดใช้งานอัตโนมัติ / Disabled = ไม่เริ่มเอง
คำแนะนำ
- ปิด (Disable) โปรแกรมที่ไม่จำเป็น เช่น Launcher, ตัวอัปเดตที่ไม่สำคัญ
- ยิ่ง Startup น้อย โดยเฉพาะตัวที่กินทรัพยากรสูง เครื่องยิ่งเปิดเร็ว
4) แท็บ Users – ตรวจสอบผู้ใช้งานในเครื่อง
เหมาะกับเครื่องที่มีหลายผู้ใช้หรือใช้ร่วมกัน
- ดูว่าใครกำลังล็อกอินใช้งานอยู่
- ตรวจสอบการใช้ทรัพยากรแยกตามผู้ใช้
5) แท็บ Details – วิเคราะห์เชิงลึก (สำหรับผู้ใช้ระดับกลาง)
ช่วยดู Process แบบละเอียดมากขึ้น เช่น ชื่อไฟล์จริง และบางครั้งใช้ไล่หาโปรแกรมต้องสงสัยได้
- ดูชื่อ Process แบบละเอียด
- คลิกขวาเพื่อดู Open file location (ถ้ามี) เพื่อเช็คตำแหน่งไฟล์
- ใช้ระบุโปรแกรมที่ทำงานแปลก ๆ ได้ดีขึ้น
6) แท็บ Services – ตรวจสอบบริการของระบบ
ใช้ดูบริการ (Services) ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง
- ตรวจสอบว่า Service ใดกำลัง Running
- ช่วยวิเคราะห์บางอาการที่เกี่ยวกับบริการระบบ
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรหยุด Service ที่ไม่รู้จัก เพราะอาจกระทบการทำงานของ Windows
วิธีใช้ Task Manager แก้ปัญหาเครื่องช้า (ตัวอย่างจริง)
กรณีที่ 1: เครื่องช้าแต่ไม่รู้สาเหตุ
- เปิด Task Manager > ไปที่ Processes
- คลิกเรียงตาม CPU หรือ Memory
- ระบุโปรแกรมที่กินทรัพยากรสูงผิดปกติ
- ถ้าแน่ใจว่าไม่จำเป็น ให้ End task
กรณีที่ 2: เปิดเครื่องช้า
- ไปที่ Startup
- เลือกโปรแกรมที่ไม่จำเป็น
- คลิก Disable
- รีสตาร์ทเครื่องเพื่อทดสอบความเร็ว
กรณีที่ 3: เครื่องค้างเป็นช่วง ๆ
- ไปที่ Performance แล้วดู Disk
- ถ้า Disk ขึ้นสูงมากบ่อย ๆ ให้กลับไปดู Processes ว่าโปรแกรมไหนใช้ Disk สูง
- ปิดโปรแกรมที่ผิดปกติ หรือรอให้กระบวนการสำคัญ (เช่นอัปเดต) ทำงานเสร็จ
ข้อควรระวังในการใช้ Task Manager
- อย่าปิด Process ของระบบที่ไม่รู้จัก เพราะอาจทำให้ Windows ทำงานผิดปกติ
- การ End task อาจทำให้ข้อมูลที่ยังไม่บันทึกสูญหาย
- Task Manager ช่วย “วิเคราะห์” ได้ดี แต่บางปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่น โปรแกรมเสีย หรือฮาร์ดแวร์มีปัญหา
เหมาะกับใคร
- ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการรู้ว่าเครื่องช้าจากอะไร
- พนักงานออฟฟิศที่ต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นเอง
- ผู้ดูแลคอมพิวเตอร์ในองค์กร
- ผู้เริ่มต้นเรียนรู้การดูแลระบบ Windows



Social Plugin