วิธีจัดการแอป ที่ทำงานเบื้องหลังบนมือถือ

Mobile Apps
การใช้งานสมาร์ทโฟนแบบมืออาชีพไม่ใช่เพียงแค่การโทรเข้า-ออกหรือส่งข้อความ แต่ยังรวมถึงการใช้ฟีเจอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเต็มที่ 

การปรับตั้งค่าที่เหมาะสม การจัดการทรัพยากรเครื่อง เช่น การปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลัง การเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลส่วนตัว และการสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นเทคนิคที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟนได้อย่างสูงสุด อีกทั้งยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และเพิ่มความเร็วในการประมวลผล การเรียนรู้ทักษะการใช้งานเหล่านี้จะช่วยให้คุณเป็นผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีความชำนาญและสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การปิดแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลังบนสมาร์ทโฟนสามารถช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณรู้สึกว่าเครื่องช้าหรือแบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป การปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS (iPhone) 


วิธีปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังบน Android

1. ใช้ปุ่ม Recent Apps:
  • กดปุ่ม Recent Apps (ปุ่มที่มักจะอยู่ด้านซ้ายหรือขวาของปุ่ม Home)
  • เลื่อนแอปที่คุณต้องการปิดไปทางซ้ายหรือขวา หรือกดปุ่ม "X" หรือ "Clear All" เพื่อปิดแอปทั้งหมด

2. ใช้การตั้งค่า:
  • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แอป (Apps) หรือ แอปและการแจ้งเตือน (Apps & Notifications)
  • เลือกแอปที่คุณต้องการปิด
  • กด บังคับหยุด (Force Stop)

3. ปิดการทำงานเบื้องหลัง (สำหรับการประหยัดแบตเตอรี่):
  • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > การใช้แบตเตอรี่ (Battery Usage)
  • เลือกแอปที่คุณต้องการจำกัดการทำงานเบื้องหลัง
  • เปิด จำกัดการทำงานเบื้องหลัง (Restrict Background Activity)

วิธีปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังบน iOS (iPhone)

1. ใช้ App Switcher:
  • สำหรับ iPhone รุ่นที่ไม่มีปุ่ม Home (เช่น iPhone X ขึ้นไป): ปัดขึ้นจากด้านล่างของหน้าจอค้างไว้
  • สำหรับ iPhone รุ่นที่มีปุ่ม Home: กดปุ่ม Home สองครั้ง
  • เลื่อนแอปที่คุณต้องการปิดขึ้นไปด้านบนของหน้าจอ

2. ปิดการทำงานเบื้องหลัง:
  • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > รีเฟรชแอปเบื้องหลัง (Background App Refresh)
  • ปิดการทำงานสำหรับแอปที่คุณไม่ต้องการให้ทำงานเบื้องหลัง หรือปิดทั้งหมดด้วยการเลือก Off

3. ใช้การตั้งค่าแบตเตอรี่:
  • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery)
  • ตรวจสอบแอปที่ใช้พลังงานมาก และปรับการตั้งค่าตามที่จำเป็น

ข้อควรระวัง
  • การปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังบ่อยเกินไปอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเท่าที่คิด เพราะสมาร์ทโฟนสมัยใหม่ถูกออกแบบมาให้จัดการแอปที่ทำงานเบื้องหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควรปิดเฉพาะแอปที่คุณไม่ต้องการใช้งานจริง ๆ หรือแอปที่มีปัญหาเท่านั้น

บทสรุป การจัดการแอปที่ทำงานเบื้องหลังให้ดีจะช่วยให้สมาร์ทโฟนของคุณทำงานได้รวดเร็วและมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น! คนใช้สมาร์ทโฟนทุกคน ควรต้องรู้ไว้