Internet Cafe คือธุรกิจการให้บริการ internet, check email หรือแม้แต่นำมาเล่นเกมส์ออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ไม่สูง ทั้งนี้จากแนวโน้มการใช้งาน internet ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญ internet เป็นแหล่งความรู้ ต่าง ๆ มากมาย และประกอบกับคนส่วนใหญ่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้กันในครอบครัว 

 

การทำ Internet Cafe ทำอย่างไร 

จริง ๆ แล้วการทำธุรกิจ Internet Cafe นั้น ไม่ยากขอให้มีทำเลดี ส่วนเรื่องเงินทุนก็ไม่มากนัก และนอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทคอมพิวเตอร์หลายราย ให้บริการจัดตั้ง Internet Cafe แบบครบวงจร หมายถึงจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และทั้งติดตั้งให้จนเสร็จสิ้น สำหรับการจัดทำ internet cafe พอสรุปรายละเอียดอุปกรณ์ได้ดังนี้ 


  1. คอมพิวเตอร์
    ควรใช้เครื่องที่ค่อนข้าง update ที่สุด เผื่อสำหรับไว้ในอนาคต

     
  2. เครืองพิมพ์
    อาจใช้เป็นเครื่องพิมพ์ Laser สำหรับพิมพ์รายงาน หรือเอกสารทั่ว ๆ ไป

     
  3. การ์ดแลน Network Card 
    เรียกอีกอย่างได้ Network Interface Card (NIC) บางท่านอาจเรียก Network Adapter แต่ความหมายจริง ๆ ก็เหมือนกัน นั่นคือ เป็นแผงวงจรที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบเดียวกัน การ์ดแลนรุ่นเก่าจะเป็นแบบ ISA (I-SA Bus) ต้องเสียบเข้ากับช่อง หรือ Slot แบบ ISA (16 bits) สีน้ำตาลเข้ม ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ PCI ซึ่งต้องเสียบเข้ากับช่อง หรือ Slot PCI (32 bits) สีขาวหรือสีไข่ไก่ ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นแบบ PCI ทั้งหมด ส่วนเรื่องความเร็วสามารถเลือกได้ทั้ง 10 Mbps, 100 Mbps หรือ 10/100 Mpbs สำหรับการใช้งาน internet cafe ให้เลือกที่ความเร็ว 10 Mbps 

     
  4. สายสัญญาณ Network Cable 
    เป็นสายสัญญาณที่ใช้เชื่อต่อในระบบแลน ประเภทของสายสัญญาณสามารถแบ่งออกได้เป็น 
    1. สาย Coaxial มี 2 ชนิดคือ แบบหนา (Thick Coaxial) และบาง (Thin Coaxial) 
    2. สาย Twisted Pair มี 2 ชนิดเช่นเดียวกัน คือ STP (Sheild Twisted Pair) และ UTP (Unsheild Twisted Pair) 

    สำหรับสายที่นิยมใช้ในทำ internet cafe คือ UTP ซึ่งมีแบบ Catagory 3 (CAT 3) (อีกแบบหนึ่งคือ Catagory 5 (CAT 5) ซึ่งรองรับความเร็วสูงกว่า) สำหรับหัวสายที่ใช้ในการต่อเรียกว่า RJ45 ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับหัวสายโทรศัพท์แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า (ยี่ห้อของสายแลนที่เป็นที่นิยมคือ AMP)

     
  5. Hub (อุปกรณ์ในการกระจายสัญญาน) 
    อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ HUB มีหลายขนาด เช่น 5 Port, 8 Port, 16 Port, 24 Port เป็นต้น ความเร็วก็เลือกได้ที่ 10 Mbps, 100 Mpbs, 10/100 Mpbs เช่นเดียวกับการ์ดแลน โดยปกติความยาวในการต่อ HUB จะมีความยาวไม่เกิน 100 เมตร (สาย UTP)

     
  6. Modem 
    อุปกรณ์ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ปัจจุบันควรเลือกที่ความเร็ว 56 Kbps (Kbps : Kilobye per secont)

     
  7. Proxy Software 
    1. ซอร์แวร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ Microsoft Proxy, WinGate เป็นต้น หรืออาจใช้เป็นฮาร์ดแวร์ก็ได้ 
    2. ฮาร์ดแวร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ WebRamp (การทำ sharing โดยใช้ hardware จะดีกว่า เนื่องจากเวลามีปัญหา จะไม่เสียหายทั้งระบบ) สำหรับฮาร์ดแวร์บางยี่ห้อ จะมี Modem ให้ในตัว 

     
  8. โปรแกรมการใช้งาน 
    โปรแกรมการใช้งานส่วนใหญ่ เช่น Email, ICQ, Pirch, Microsoft Chat หรือแม้แต่โปรแกรม Browser เช่น Microsoft Internet Explore, Netscape, Opera ก็เป็นโปรแกรมแจกฟรี สามารถเลือก download ได้ทางอินเตอร์เน็ต ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อซอร์ฟแวร์ลิขสิทธิ์

     
ขั้นตอนการจัดทำ คือ นำคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันโดยผ่าน Network Card (Network Card ต่อกับ Network Cable และเข้าสู่ HUB) จากนั้นเชื่อมระบบโทรศัพท์ ผ่าน Modem ไปยัง ISP โดยผ่าน Proxy เท่านี้ เครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่ต่อ HUB ก็จะสามารถเล่น internet ได้ แต่ไม่ต่อเครืองคอมพิวเตอร์เกิน 5 ชุด (การต่อแบบนี้จะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 1 Account เท่านั้น) 

       
สำหรับรายละเอียดการติดตั้งคอมพิวเตอร์ระบบ Peer to Peer หรือ Client Server, อยากทราบเกี่ยวกับ Internet และ Internet ความเร็วสูง สำหรับนำมาใช้ในธุรกิจ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมใน it-guides ด้วยการใส่
คำค้นหาได้ที่นี่

ขั้นตอนการติดตั้ง Network Card
  1. ปิดสวิทซ์คอมพิวเตอร์
  2. เปิดฝาเครื่องคอมพพิวเตอร์
  3. นำ Network Card เสียบกับ Slot ของคอมพิวเตอร์
  4. เปิดสวิทซ์ เข้า windows
  5. ปกติ Windows จะเรียกให้ใส่ Driver ของ Lan Card อัตโนมัติ
  6. ใส่แผ่น driver ของ Network card ใน drive A:
  7. ทำตามขั้นตอนจนเสร็จ และ Restart เครื่องใหม่

 


Menu