Web Hosting คืออะไร
Web Hosting คือการให้บริการเช่าพื้นที่เพื่อใช้สำหรับการจัดวางเว็บเพจ ที่เราสร้างขึ้นมา โดยปกติแล้ว หลังจากซื้อบริการ Web Hosting แล้ว เราจะได้พื้นที่ที่เราสามารถจัดวางข้อมูลเว็บไซต์ รวมทั้งได้พื้นที่สำหรับการใช้อีเมลด้วย (พื้นที่ของเว็บเพจ และอีเมล จะรวมกัน) ซื้อหนึ่งได้ถึงสอง
หลักในการเลือกซื้อ Web Hosting
Web Hosting ทั่วไป จะแบ่งระบบปฏิบัติการออกเป็น 2 ชนิดคือ Unix และ Windows Server
- Unix จะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สำหรับภาษาที่รองรับการทำงาน ได้แก่ HTML, PHP รวมทั้งระบบ database MySQL เป็นต้น
- Windows Server จะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะต้องเสียค่า License ของ Windows Server สำหรับภาษาที่รองรับเพิ่มเติมคือ ASP
เพิ่มเติมวิธีการเลือกซื้อ Web Hosting
- เจ้าของ Web Hosting ควรมีอยู่เป็นหลักแหล่ง มีเบอร์ที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา (ผู้ให้บริการ Web Hosting บางราย มีเพียงคนเดียว เท่านั้น ดังนั้นการให้บริการอาจมีปัญหาได้ง่าย)
- ดูเครื่องหมายการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือไม่
- รองรับการโอนย้ายไฟล์ด้วย FTP หรือไม่ (จำเป็นต้องมี)
- มีระบบ Control Panel เพิ่มใช้ในการบริหารจัดการ โอนเว็บ และจัดการระบบอีเมลหรือไม่
- มีระบบ Backup หรือไม่
- รองรับการทำงาน database โดยเฉพาะ MySQL หรือไม่
- มีเครืองมือช่วยในการพัฒนาเว็บหรือไม่ เช่น Formmail (สำหรับสร้างรับส่งอีเมล ผ่านหน้าเว็บ) ระบบ Counter (นับจำนวนผู้เยี่ยมชม) เว็บบอร์ด (สร้างเครือข่าย)
- รองรับระบบ security SSL หรือไม่
- มีระบบป้องกัน Spam Mail
- ระบบป้องกันไวรัสหรือไม่
- Server อยู่ในประเทศไทย หรือต่างประเทศ (ส่วนใหญ่ที่ USA) อันนี้แล้วแต่กลุ่มลูกค้าของเราว่า ต้องการเน้นในประเทศหรือต่างประเทศ (แต่สำหรับราคาแล้ว ส่วนใหญ่ เท่ากัน)
- บริการ Support 24 ชั่วโมงหรือไม่
ทิป การเลือกซื้อบริการ Web Hosting ไม่จำเป็นต้องใช้ที่เดียวกับการจดทะเบียน Domain Name เพียงแค่ แจ้งให้ผู้ให้บริการจด Domain Name แก้ไขค่า DNS เปลี่ยนมายัง Web Hosting ใหม่ เท่านั้น ซึ่งอาจจำเป็นต้องรอประมาณ 24-48 ชั่วโมง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นในการย้ายระบบ
หัวข้อต่างๆ ข้างต้นเป็นเพียงพื้นฐานในการเลือกซื้อการใช้บริการ Web Hosting ซึ่งเราควรคำนึงถึงความต้องการของเราเป็นหลักว่า เราพัฒนาเว็บในรูปแบบใด ดังนั้นควรเลือกบริการที่รองรับการทำงานของเว็บของเราเป็นหลักก่อน จากนั้นค่อยดูบริการเสริมว่า สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพิ่มเติมอะไรได้บ้าง
นอกจากนี้การเลือกซื้อบริการ Web Hosting ควรศึกษาลูกค้าที่ใช้บริการแล้วว่ามีใครบ้าง น่าเชื่อถือขนาดไหน
?
บทความที่เกี่ยวข้อง: