Buying Guide

แนะนำการเลือกซื้ออุปกรณ์ ไอที รวมทั้งสินค้าไฮเทค โดยจะเน้นทำความรู้จักกับอุปกรณ์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจะแนะนำคุณสมบัติที่น่าสนใจ จุดเด่นในการเลือกซื้อ แต่อย่างไรก็ตาม การจะเลือกซื้ออุปกรณ์ใดๆ นั้น ย่อมขึ้นกับการนำไปใช้ให้คุ้มค่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ในบางอุปกรณ์อาจมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ที่แตกต่างจากกันไปบ้าง แต่สำหรับคุณสมบัติหลักๆ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ใช้เป็นหลักในการเลือกซื้อ หวังว่าคงจะเป็นแนวทางในการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้นน่ะครับ..

 

ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่กำลังจะซื้อ Notebook หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเพื่อเลือกซื้อ Notebook ลองศึกษารายละเอียด เบื้องต้นเหล่านี้ดูก่อน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการตัดสินใจให้แก่ท่าน เนื่องจากราคาของ Notebook จะมีราคาค่อนข้างสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่อง Desktop ทั่ว ๆ ไป 

คุณสมบัติของ Notebook ที่ควรพิจารณา

  1. จอภาพ 
    ควรเป็นจอภาพแบบ TFT ถ้าเป็น wide-screen จะเหมาะสำหรับการดูภาพยนตร์มากกว่า, ความละเอียดควรกำหนดได้อย่างน้อย 1024 * 768, จำนวนสีที่สามารถกำหนดได้อย่างต่ำควรเป็น 16 บิต 
  2. แบตเตอรรี่ 
    ควรใช้ ลิเธียมไอคอน เพราะว่ามีอายุการใช้งานนานที่สุดในบรรดาแบตเตอรรี่อื่นๆ บางรุ่นสามรถใช้งานนานนับ 10 ชั่วโมง
  3. หน่วยความจำ 
    ควรติดตั้งแรมให้มากเท่าที่จะสามารถทำได้ อย่างน้อย DDR II 128 MB ขึ้นไป แต่ให้ดีควรเป็น DDR II 256 MB
  4. ฮาร์ดดิกส์ 
    อย่างน้อย 40 GB ขึ้นไป เพราะว่าปัจจุบันโปรแกรมส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก 
  5. ระบบมัลติมีเดีย 
    หมายถึง CD-Rom หรือ DVD Drive บวกกับ Sound card ส่วนใหญ่เป็นพื้นฐานไปแล้วสำหรับเครื่องคอมฯ รุ่นใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ควรพลาดที่จะมีไว้ เนื่องจากซอร์ฟแวร์ใหม่ ๆ จะบันทึกผ่านทางแผ่น CD อย่างไรก็ตามหลายๆ คนก็ให้ความสนใจ COMBO Drive ซึ่งหมายถึง DVD + CD-RW หมายถึง เครื่องเล่นที่สามารถบันทึกแผ่น CD-R, CD-RW ได้ รวมทั้งสามารถเล่นแผ่น DVD ได้อีกด้วย
  6. โมเด็ม 
    ห้ามพลาดทีเดียว ถ้าคุณต้องการเล่น internet และต้องการส่ง fax ผ่านเครื่องคอมฯ 
  7. ช่องทางการสื่อสาร 
    Port ต่างๆ ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น เครื่องพิมพ์ กล้อง สแกนเนอร์ เป็นต้น ปัจจุบัน Port รุ่นใหม่ที่เป็นที่นิยม และเป็นมาตราฐานของเครื่องคอมฯ ทั้ง NoteBook และ Desktop คือ USB โดยมี 2 รุ่นค่อ USB 1.1 และ USB 2.0 (ควรเลือกเครื่องที่รองรับ USB 2.0 จะดีกว่าเพราะจะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่ามาก)
  8. เน็ตเวิร์คการ์ด 
    สำหรับเชื่อมระบบเครือข่าย ถ้าคุณมีการใช้งานในระบบเครือข่าย (Network) บางยี่ห้อ บางรุ่นก็แถมมาให้ด้วยครับ Notebook บางรุ่นได้เริ่มมีการติดตั้ง Wireless Network หรือเน็ตเวิร์คแบบไร้สาย แล้ว

เทคนิคการเลือกซื้อ

  1. การเลือกซื้อ Notebook ควรกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ไว้ค่อนข้างสูง เนื่องจากการ upgrade จะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะรุ่น และราคาชิ้นส่วนก็ค่อนข้างสูงด้วย
  2. ราคาของ Notebook เมื่อเทียบคุณสมบัติชิ้นส่วนต่อชิ้นส่วนแล้ว ราคา Notebook จะค่อนข้างสูงกว่า Desktop มาก บางรุ่นสูงถึง 100%
  3. อุปกรณ์โดยเฉพาะ CD-ROM ควรติดตั้งภายในเลย ไม่ควรมาต่อด้านนอก เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ส่วน 3.5" Disk Drive ปัจจุบันแทนไม่ค่อยได้ใช้งานแล้ว ถ้าต้องการให้ซื้อแยกต่างหากจะดีกว่า เพราะราคาถูกกว่ามาก
  4. น้ำหนัก ควรไม่เกิน 2.0 กิโลกรัม ถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายบ่อยๆ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Computer Notebook ได้โดย คลิกที่นี่

** เทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Notebook ที่ควรพิจารณาก่อนการเลือกซื้อ

  • CPU - หน่วยประมวลผล

    สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งโต๊ะหรือแบบกระเป๋าหิ้ว นั่นคือ ความเร็ว ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก แต่สำหรับ notebook แล้วนอกจากความเร็วของ CPU แล้ว ความสามารถในการประหยัดพลังงานดูจะเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ทางบริษัท Intel ได้ผลิต CPU รุ่นใหม่ๆ มาที่สามารถประหยัดพลังงานได้มาก โดยมีชื่อรุ่นว่า "M" ซึ่งย่อมาจาก "Mobile" ซึ่งเป็น CPU ที่ทำมาเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์ Notebook โดยเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถในการประหยัดพลังงานได้มากเลยทีเดียว ดังนั้น ก่อนซื้อ Notebook ควรเลือก CPU ที่มีคำว่า Pentium M ด้วย
  • Centrino คืออะไร 

    Centrino คือรุ่นของ CPU จากค่าย Intel ซึ่งมีความสามารถที่เพิ่มเติมจากรุ่น Pentium M คือ Wireless 
  • Wireless เทคโนโลยี 

    Wireless คือเทคโนโลยีไร้สาย หมายถึงระบบที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องจำต่อสายกันโดยตรง เป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ตัวอย่างการเชื่อมต่อแบบ wireless เช่น การเชื่อมต่อเข้ากับระบบ LAN ของบริษัท เชื่อมต่อเพื่อทำการใช้งานอินเตอร์เน็ต เป็นต้น วิธีการเชื่อมต่อก็ไม่ยุ่งยาก แต่สำหรับการเลือกซื้อแล้ว ควรทราบว่าจะเลือกรุ่นใด 

    สำหรับคุณสมบัติที่ควรเลือกของระบบ wireless นั่นคือความเร็ว ปัจจุบันเราจะเลือกรุ่นที่เป็น 802.11g ซึ่งจะมีความเร็วที่ 54 kpbs สำหรับรุ่นเก่าคือ 802.11b ซึ่งมีความเร็วแค่ 11 kbps 

 

 

ปัจจุบัน Modem ถือว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างหนึ่งในการใช้คอมพิวเตอร์ เพราะนอกเหนือจากการที่จะใช้เล่น internet แล้ว เรายังสามารถทำเครื่องคอมฯ ให้เป็นเครื่องรับส่ง fax ได้อีกด้วย เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า modem มีประโยชน์มากแค่ไหน สำหรับการ เลือกซื้อโมเด็ม ก็คงแล้วแต่ความสะดวกในการใช้งาน โดยท่านลองศึกษาข้อดีและข้อเสียของ modem แต่ละประเภทดู (ถ้าต้องการ เล่น internet ความเร็วสูง ลองอ่านรายละเอียดที่นี่ 

 

Internal Modem 

ข้อดี

1.     ไม่เปลืองเนื้อที่ในการติดตั้ง เพราะต้องใส่ไว้ภายใน

2.     ไม่ต้องใช้ COM port (ประหยัด Port เพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

3.     ราคาถูก ปกติแล้ว Internal Modem มักมีราคาดูกว่า External Modem

4.     ใช้แหล่งจ่ายไฟจากตัวเครืองคอมฯ

 

ข้อเสีย

1.     ไม่มีสัญญาณไฟบอกสถานะ (อาจทำให้ลืมว่ากำลังใช้งาน internet อยู่)

2.     ติดตั้งลำบาก เพราะต้องเปิดเครื่อง หา Slot ว่างภายในตัวเครื่องคอมฯ


External Modem 

ข้อดี

1.     มีไฟบอกสถานะการทำงาน

2.     ติดตั้งง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่อง เพียงแค่ต่อเข้ากับ com port

 

ข้อเสีย

1.     ใช้ COM Port ทำให้เสีย port สำหรับการใช้งานอื่น ๆ

2.     เปลืองเนื้อที่ในการทำงาน

3.     ใช้ ไฟต่างหาก (ปกติ modem ภายนอกจะต้องใช้แหล่งจ่ายไฟจากภายนอก


เทคนิคการเลือกซื้อ

1.     การเลือกซื้อ Modem จะต้องดูว่าใช้กับเครื่องคอมฯ รุ่นไหน Notebook หรือ Desktop

2.     ตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนว่ามี COM port ว่างหรือไม่

3.     ความเร็ว - มีหน่วยเป็น Kbps กิโลบิตต่อวินาที ปัจจุบันเราควรเลือกที่ความเร็ว 56Kpbs

4.     การอัปเกรด - ตรวจสอบดูด้วยว่า ในอนาคตสามารถอัปเกรดความสามารถใหม่ ๆ ได้หรือไม่ เช่น ความเร็ว เป็นต้น

5.     โปรแกรมที่แถมว่า - นอกจาก driver ที่จำเป็นต้องมีแล้ว ควรสอบถามโปรแกรมการใช้งานอื่น ๆ ด้วย เช่น โปรแกรมส่งแฟ็กซ์ เป็นต้น


คุณสมบัติด้านเสียง - โมเด็มบางรุ่นมีคุณสมบัติด้านเสียงเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งอาจทำให้เราสามารถนำไปใช้ในระบบ Answering Machine

 

กล้อง Digital มีลักษณะ หน้าตาเหมือนกับกล้องถ่ายรูปทั่ว ๆ ไป ที่สิ่งหนึ่งที่ดีคือ ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิล์ม รูปแบบการเก็บภาพนั้น มีหลายรูปแบบ เช่น เก็บใน Disk 3.5", Zip Disk หรือ การ์ดหน่วยความจำ (ราคาค่อนข้างแพง) สำหรับการเลือกซื้อก็คงต้องดูลักษณะงานที่จะนำไปใช้สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่น่าศึกษามีดังนี้ 

1.     ความละเอียดของภาพที่ได้
หน่วยที่เราเรียกคือ ฟิกเซล (Pixel) ซึ่งคือความละเอียดสูงสุดของภาพที่สามารถถ่ายได้ จำนวนฟิกเซลนี้จะอยู่บนเซนเซอร์ หรือที่เรียกว่า Charge-Couple Device (CCD) ซึ่งทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของภาพถ่าย ความละเอียดที่ได้ของภาพถ่ายอาจไม่เท่ากับความละเอียดของ CCD ดังนั้นควรตวจสอบค่าทั้งสองให้ดีเสียก่อน 

2.     การบีบอัดข้อมูล 
หลักง่าย ๆ ในการตรวจสอบคือ ยิ่งมีการบีดอัดข้อมูลมากเท่าใด คุณภาพของภาพก็จะด้อยลงไปมากเท่านั้น

3.     หน่วยความจำ 
หลายรุ่นจะเก็บใน การ์ดหน่วยความจำที่เรียกว่า SmartMedia หรือ CompactFlash ซึ่งการ์ดแต่ละรุ่นก็สามารถเก็บความจุได้ต่างกัน บางรุ่นเก็บใน Disk 3.5" แล้วแต่ความชอบ ความสะดวกที่ต้องการ เนื่องจากราคาจะแตกต่างกันมาก

4.     ระบบการซูมภาพและเลนส์ 
การซูมภาพมี 2 ประเภท คือ ซูมด้วยเลนส์ (เหมือนกล้องทั่วไป) และแบบระบบดิจิตอล (ใช้วิธีคำนวณแล้วเก็บข้อมูลไว้) ระบบซูมด้วยเลนส์จะดีกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าด้วย ส่วนเรื่องของเลนส์ควรเป็นเลนส์ที่ทำจากแก้ว ไม่ใช่พลาสติก

5.     จอ LCD 
บางรุ่นก็มีจอ LCD ช่วยให้สะดวกเวลาถ่าย แถมมักจะสามารถดูข้อมูลภายในทันทีได้ด้วย หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว 

6.     เทคโนโลยีใหม่ Pictbridge 
เป็นเทคโลยีที่ช่วยให้สามารถพิมพ์พิมพ์ภาพจากล้องดิจิตอล ไปยังเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง โดยการความสามารถในการปรับแต่งค่าสี ความสว่างของภาพอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์

7.     ความเร็ว (Burst mode) และ ความสามารถพิเศษ 
กล้องที่ดีควรสามารถถ่ายภาพได้ในความเร็ว 2 ภาพต่อวินาทีเป็นอย่างต่ำ, สำหรับเรื่องความสามารถพิเศษ ได้แก่ ทำภาพขาวดำ ซีเปีย บันทึกเสียงได้ รวมทั้งบันทึกภาพวีดีโอได้ด้วย (แค่เป็นวีดีโอคลิปสั้นๆ)

8.     แบตเตอรรี่ 
บางรุ่นสามารถใช้ถ่าย AA ได้แต่อย่าลืม กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะค่อนข้างกินไฟมาก และโดยเฉพาะกล้องที่มีจอ LCD ดังนั้น ควรระวังเรื่องการใช้งาน

อุปกรณ์เสริม 
อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเคเบิลในการโอนย้ายข้อมูลจากกล้องผ่านทางพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์, รีโมทคอนโทรล

 

Scanner คืออุปกรณ์สำหรับ Scan ภาพ หรือ วัสดุ เพื่อเข้าสู่คอมฯ ถือว่าเป็นอุปกรณ์หลัก ๆ อีกชิ้นหนึ่งของระบบคอมฯ ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อและราคา การเลือกซื้อไม่ยุ่งยากเท่ากับเลือกซื้อคอมฯ เนื่องจากคุณสมบัติทั่วๆ มีไม่มาก ลองศึกษา ดูจากรายละเอียดดังนี้ 

 

ประเภทของสแกนเนอร์

1.     สแกนเนอร์แท่นเรียบ - Flatbed Scanner
สแกนได้ครั้งละ 1 แผ่น เพียงวางกระดาษที่ต้องการสแกน คว่ำหน้าลง และเรียกโปรแกรมสำหรับสแกนขึ้นมา และเลือกคำสั่งสแกน (สแกนเนอร์แบบนี้จะให้คุณภาพการแสดงที่ดีมาก และใช้งานง่าย)

2.     สแกนเนอร์ดึงกระดาษ - Sheet-Fed Scanner
สแกนได้ครั้ง 1 แผ่นเช่นเดียวกัน เวลาสแกนเครื่องจะดึงกระดาษเข้าไป คล้ายเครื่องพิมพ์ ไม่เหมาะสำหรับการสแกนหนังสือ เพราะต้องฉึกกระดาษออกมา ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ค่อยแพงนัก คุณภาพที่ได้ยังไม่ค่อยดี 

3.     สแกนเนอร์มือถือ - Handhelded Scanner
สแกนเนอร์ที่ต้องการใช้มือลากไปยังภาพที่เราต้องการสแกน (สแกนค่อนข้างยาก) คุณภาพที่ได้ก็ไม่ค่อยดีนัก และยังต้องพึ่งความชำนาญในการลากเครื่องสแกน

 

เทคนิคการเลือกซื้อ

1.     DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย

2.     การเชื่อมต่อ 
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม) เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USB มาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี

3.     โปรแกรม 
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scan ตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR - Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)

ความสามารถพิเศษ 
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่

 

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ผลิต Inkjet Printer เข้าสู่ตลาด แต่ละบริษัทก็อ้างสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ซื้อเกิดความสับสน ในการเลือกซื้อ ดังนั้น ลองพิจารณา หัวข้อต่าง ๆ เหล่านี้ดู เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อ... 

1.     เทคโนโลยี 
คงไม่พ้นเรื่องความละเอียดในการพิมพ์ เช่น 1440 จุดต่อนิ้ว ปัจจุบันถือว่า จำนวน DPI สูง ๆ ไม่ถือว่าจะมีคุณภาพการพิมพ์สูง แต่ต้องดูในเรื่องของคุณภาพงานพิมพ์มากกว่า เพราะยิ่ง DPI สูง เวลาพิมพ์จะเปลืองหมึกมากและพิมพ์ช้าลงด้วย 

 เทคโนโลยี Pictbridge เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ให้เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์รองรับการพิมพ์ภาพจากกล้องดิจิตอลได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านคอมพิวเตอร์ และที่สำคัญสามารถปรับแต่งสี และความสว่างให้ของภาพแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย 

 เทคโนโลยี Wireless เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ภาพจากกล้อง หรือคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสายเคเบิลใดๆ 

2.     หัวพ่นหมึก 
Printer ที่มีหัวพ่นอยู่ที่ตลับหมึก ราคาจะสูงกว่า แต่ทุกครั้งที่หมึกหมด จุะต้องเปลี่ยนทั้งตลับทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาเครื่องหมึกอุดตัน 

3.     ตลับหมึก 
บางรุ่น จะแยกออกจากหัวพ่นหมึก แต่ถ้าจะให้ดีควรสามารถแยกตลับสีแต่ละสีจากกันได้ เวลาสีบางสีหมด จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมด 

4.     หน่วยความจำ 
Printer ที่มีหน่วยความจำมาก ย่อมทำให้การพิมพ์เร็วขึ้น (หน่วยความจำบนคอมฯ กับ Printer จะไม่เหมือนกัน) 

5.     ความเร็วในการพิมพ์ต่อนาที 
ขึ้นกับงานที่ต้องการ เช่น สี 4 แผ่น ขาวดำ 8 แผ่นเป็นต้น (โดยปกติการพิมพ์สีจะช้ากว่าการพิมพ์ขาวดำ) 

6.     การเชื่อมต่อ 
เดิมการต่อ Printer กับคอมฯ ก็ไม่พ้น LPT part แต่ปัจจุบัน USB port ก็เป็นทางเรื่องใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากเป็น port ที่พิมพ์ด้วยความเร็วสูง

7.     ระบบป้อนกระดาษ 
ระบบป้อนกระดาษด้านหน้าจะดีกว่าป้อนกระดาษด้านบน เพราะโอกาสติดจะน้อยกว่า

 

เทคนิคการเลือกซื้อ

1.     โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่ราคาไม่แพง แต่ตลับหมึกจะแพง แล้วแต่จะเลือก ?

2.     บริการเติมหมึก ปัจจุบันมีร้านค้าที่รับเติมหมึก Inkjet อยู่มากมาย ถือได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

3.     สื่อที่จะใช้พิมพ์ inkjet บางรุ่นอาจไม่สามารถพิมพ์ซอง หรือแผ่นใส หรือแม้กระทั่งผมโดยตรงไปยังแผ่น CD

4.     ตลับหมึก ควรเลือกหัวพ่นหมึกที่ติดกับตลับหมึก เพื่อลดปัญหาหมึกอุดตัน (ราคาจะแพงกว่าสักนิด)

5.     ความละเอียดของเครื่องพิมพ์ ควรตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเรา

6.     ประเภทของ Inkjet กรณีต้องการเลือกซื้อเพื่องานพิมพ์ภาพ PHOTO ควรเลือกรุ่นที่มีคำว่า PHOTO ต่อท้ายด้วย เพื่อความละเอียดสมบูรณ์แบบในงานพิมพ์ (ทั้งนี้ขึ้นกับยี่ห้อของเครื่องพิมพ์) บางรุ่นจะมีหน้าจอ LCD ขนาดเล็ก เพื่อใช้ในการควบคุมการทำงานเพิ่มมากขึ้น (คล้ายกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์)

 

Menu